Link Copied!

“คู่หยุดโลก” ที่แฟนแบดมินตันรอคอย

15.30 น. วันนี้ (30 ก.ค.) การแข่งขันแบดมินตันในกีฬาโอลิมปิก 2020 โตเกียวเกมส์ เดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแล้ว โดยเฉพาะประเภทหญิงเดี่ยว “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ความหวังหนึ่งเดียวของไทยที่เหลือให้ลุ้นเหรียญรางวัล มีคิวปะทะกับ ไต้ จือ อิง มือหนึ่งโลกและมือวางอันดับ 2 ของรายการจากไชนีสไทเป เพื่อชิงพื้นที่ 1 ใน 4 ผู้เล่น เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และจะเป็นการเข้ารอบรองฯ ครั้งแรกของทั้งคู่อีกด้วย

กล่าวได้ว่าแมตซ์นี้เป็น “คู่หยุดโลก” ในประเภทหญิงเดี่ยวอย่างแท้จริง เป็นคู่ที่แฟนแบดมินตันทั่วโลกให้ความสนใจอยากชมมากที่สุด เหตุเพราะทั้งคู่มีลีลาการเล่นที่สวยงาม สไตล์การบุกทำที่รวดเร็ว ดุดัน การออกลูกคุณภาพคับแก้ว อีกทั้งสถิติผลงานที่ทั้งคู่เจอกันมา 29 ครั้ง ต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้-ชนะสุดสูสี โดย ไต้ จือ อิง มีสถิติชนะ 15 ครั้ง น้องเมย์ชนะ 14 ครั้ง โดยหนล่าสุดที่เจอกันก็คือ รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย รายการ HSBC BWF World Tour Finals 2020 ที่ไทย ปลายเดือนมกราคม 2021 โดย ไต้ จือ อิง เอาชนะน้องเมย์ได้ 2-1 เกมนั่นเอง

นอกจากนี้ด้วยความที่ทั้งคู่พบเจอกันในคอร์ทมากที่สุดในบรรดานักแบดมินตันประเภทหญิงเดี่ยวด้วยแล้ว “คู่รัก-คู่แค้น” คงจะเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลย เจอกันเมื่อไหร่ ใส่กันเต็มที่ ไม่ยั้งมือ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง มิตรภาพดีๆ ที่ทั้งคู่มีให้ต่อกัน ยิ่งทำให้เราเห็นสปิริตของการเป็นนักกีฬาที่ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เป็นมิตรภาพที่น่าชื่นชมจริงๆ

เกริ่นมาซะยาวเหยียด ผมว่ามาเข้าเรื่องดีกว่าว่า โอกาสและความน่าจะเป็นของเกมการแข่งขันครั้งนี้ “ไต้ จือ อิง-เมย์” ใครจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะมากกว่ากัน

ไต้ จือ อิง เป็นนักแบดคนเดียวในรอบแบ่งกลุ่ม P ที่มีผู้เล่นในสายถึงสี่คน ทำให้ต้องเล่นถึง 3 แมตซ์ พบสวิสฯ เวียดนาม ฝรั่งเศส แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับเธอ เอาชนะ 2-0 เกมทั้งสามแมตซ์ แบบไม่เหนื่อยสักเท่าไร และผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศทันที เนื่องจากการได้บายในฐานะมือวางอันดับ 2

รัชนก อินทนนท์ ผ่านเข้ารอบเป็นที่หนึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม N แบบต้องใช้พลังงานมากสักนิด โดยเฉพาะนัดสุดท้ายของกลุ่ม กว่าจะเอาชนะ โซเนีย เซี๊ยะ จากมาเลเซีย 2-1 เกม โดยถูกนำไปก่อนในเกมแรก ก่อนเบียดเอาชนะในเกม 2 อย่างหืดจับ และชนะสบายในเกมสุดท้าย ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้าย พบกับ เกรกอเรีย มาริสกา ตุนจุง มือวางอันดับ 14 จากอินโดนีเซีย ซึ่งน้องเมย์สามารถเอาชนะได้ไม่ยาก 2-0 เกม ด้วยรูปแบบการเล่นที่สวยงาม ดุดัน โดยเฉพาะลูกหน้าเน็ตที่แทบจะหาลูกตีเสียเองไม่มี ผนวกกับดราม่าชุดแข่งขันที่ไม่ต้องถกแขนเสื้อ ทำให้น้องเมย์เล่นด้วยสภาพไม่พะวงกับชุดที่ใส่ เห็นการเล่นแล้วเนียนตาเหลือเกิน ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายครั้งแรกในโอลิมปิก 2012 ลอนดอนเกมส์

ความน่าจะเป็นของเกม

ในด้านสภาพร่างกาย

คู่หยุดโลก “ไต้ จือ อิง-เมย์” เป็นคู่ที่วงการแบดมินตันโลกเฝ้ารอคอย ว่าเมื่อไรทั้งคู่จะพบกันในเกมการแข่งขันระดับมหกรรมกีฬาโลก ซึ่งวันนี้ทั้งคู่ก็ได้มาพบกันแล้ว หากจะวัดความเหนื่อยล้าจากการแข่งขันที่ผ่านมา อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่า ไต้ จือ อิง จะมีสภาพร่างกายที่ดีกว่า เพราะทั้งคู่เล่นมาสามแมตซ์เหมือนกัน และ ไต้ จือ อิง ได้พักจากการบายในรอบ 16 คนสุดท้าย แต่เมย์เอง การเล่นรอบ 16 คนสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้พลังมากนัก การชนะ 2-0 เกม จบการแข่งขันในช่วงเช้า ทำให้ตลอดทั้งวันในช่วงบ่ายเมย์มีเวลาพักผ่อนเต็มที่อยู่แล้ว ปัญหาเรื่องอาการล้าจึงไม่น่านำมาพิจารณา

หัวข้อนี้ผมให้ทั้งคู่เสมอกัน

ในด้านเทคนิคและรูปแบบการเล่น

กล่าวได้ว่าทั้งคู่เป็นนักแบดประเภทสายเทคนิคอย่างแท้จริง เมย์มีรูปแบบการเล่นที่สวยงาม สามารถเล่นเกมเร็วสลับช้าได้ดี จุดเด่นอยู่ที่ลูกโอเวอร์เฮดครอสคอร์ท และลูกตบไล่เส้น แต่รอบที่ผ่านมาเมย์แสดงให้เห็นถึงลูกหยอดหน้าเน็ตที่มีประสิทธิภาพ ออกลูกไม่เสียเปรียบคู่ต่อสู้เลย ส่วน ไต้ จือ อิง เป็นประเภทเทคนิคบุก ออกลูกเร็ว จุดเด่นอยู่ที่ลูกตบรุนแรง แบ็กแฮนด์หนักแน่น และลูกหลอกแตะหยอด (ลูกทิ้งร่ม) ที่มักใช้เป็นประจำเมื่อคู่ต่อสู้เผลอ หัวข้อนี้หากจะเปรียบเทียบกันแล้วยอมรับว่า ไต้ จือ อิง มีอาวุธที่หลากหลายกว่าเมย์ แต่ความหลากหลายนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะแน่นอนเสมอไป เพราะหากวันไหนบทจะเสียคะแนน หรือผิดพลาดง่ายๆ ภาษากายของเธอจะออกอาการอย่างเห็นได้ชัด พูดง่ายๆ คือ Body Language ไม่ดี หากเมย์สามารถจับจังหวะเสียอาการของ ไต้ จือ อิง ได้ จะสามารถทำคะแนนได้ไม้ยาวๆ เช่นกัน  

หัวข้อนี้ผมให้ ไต้ จือ อิง เหนือกว่าเมย์นิดหน่อยครับ

ในด้านสภาพจิตใจ

เมย์ผ่านเกมรอบ 16 คนสุดท้ายมาอย่างไม่ยากนัก แถมด้วยฟอร์มการเล่นที่สวยงาม และพบกับคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งเหมือนกัน เรียกได้ว่าสภาพจิตใจน่าจะยังคึกคักอยู่ ขณะที่ ไต้ จือ อิง ผ่านเข้ารอบด้วยการบาย และเพราะในรอบแบ่งกลุ่ม คู่ต่อสู้ก็ไม่ใช่คู่ต่อกรที่จะมาสู้ได้ ฝีมือค่อนข้างห่าง มาเจอเมย์ในรอบนี้อาจทำให้ในช่วงต้นเกมแรก เธอคงเครื่องร้อนช้า หากเมย์อาศัยจังหวะในช่วงนี้ทำคะแนนนำไปก่อนมากๆ โอกาสที่ ไต้ จือ อิง จะออกอาการเป๋มีสูงทีเดียว และเล่นไม่อยู่ในรูปแบบของตัวเองไปเลยก็ได้ แต่เมย์ต้องทำคะแนนบุก ฆ่าให้ได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ อย่าปล่อยโอกาสให้คู่แข่งตั้งหลัก กลับมาอยู่ในเกมที่ตัวเองถนัดได้

หัวข้อนี้ผมให้เมย์เหนือกว่า ไต้ จือ อิง ครับ

ด้วยความเป็นมหกรรมกีฬา 4 ปีครั้งอย่างโอลิมปิก ทำให้สภาพจิตใจของนักกีฬาทั้งสองต้องนิ่ง อยู่ที่ใครสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากกว่ากัน เพราะหากพลาดพลั้ง โอกาสแก้ตัวต้องรอไปอีก 4 ปีข้างหน้า (สำหรับโอลิมปิกครั้งหน้าที่ฝรั่งเศส รออีกแค่ 3 ปี) แต่สำหรับ ไต้ จือ อิง เธอได้ประกาศล่วงหน้าแล้วว่า นี่จะเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของเธอ เพราะหลังจากนี้เธอจะแขวนแร็กเกตอย่างเป็นทางการ จึงเชื่อได้ว่าเกมนัดนี้ ไต้ จือ อิง เธอมีเท่าไรใส่หมดตัวแน่นอน

สำหรับความเห็นส่วนตัวของผม กลับมีความเชื่อลึกๆ ว่า โอลิมปิกครั้งนี้เมย์จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้ ด้วยรูปแบบสายแข่ง โอกาสความเป็นไปได้ที่จะเจอคู่แข่งในรอบรองชนะเลิศอย่าง พี.วี. สินธุ มีสูงมาก (สินธุจะเจอกับ อากาเนะ ยามากูชิ ที่เธอกุมสถิติชนะเหนือกว่าอากาเนะ 11-7) และมันอาจจะเดจาวู คล้ายปี 2013 ในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก ณ นครกวางโจว ที่รอบรองฯ เมย์เอาชนะสินธุ ก่อนจะผ่านเข้าชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์โลกครั้งแรก ด้วยการเอาชนะนักแบดมินตันจากจีน ลีเสี่ยวลุ่ย 2-1 เกม (ซึ่งในสายบน โอกาสเข้ารอบชิงฯ ของ เฉินอยู่เฟย นักแบดมินตันจากจีน มีสูงมากๆ) หากเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้จริง ผมจะมาวิเคราะห์โอกาสของคู่ชิงจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ

โดย ปุ๊ กว่างโจว

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares