“หมิว พรปวีณ์” เปลี่ยนใจลุยแบดซีเกมส์ ด้าน “ธรรมนัส” ตั้ง คกก.ชุดพิเศษตรวจสอบปัญหาทุกสมาคมกีฬา
วันนี้ (28 ต.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายฯ และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักกีฬาแบดมินตันหญิง มือ 1 ของไทย ที่ได้ประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากไม่พอใจเรื่องการบริหารจัดการของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มีคำสั่งให้ ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ สมาคมกีฬาที่มีปัญหาทุกสมาคม ไม่ใช่เฉพาะสมาคมแบดมินตันฯ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีความโปร่งใส และจากการพูดคุยกับนักกีฬาและโค้ชถึงปัญหาต่างๆ มีข้อตกลงชัดเจนว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะทำหน้าที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ส่วนตัว พรปวีณ์และโค้ชนั้น จะเดินหน้าในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ต่อไป
ขณะที่เรื่องต่างๆ ได้มอบหมายให้ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย แก้ไขปัญหา ส่วนตนจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมา ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกีฬาทุกประเภท เพราะต้องการชำแหละวงการกีฬาทุกสมาคม
เมื่อถามถึงปัญหาหลักที่เกิดขึ้น ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารในสโมสร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนักกีฬาแต่ละคนที่มาจากสโมสรมีปัญหากับบางสมาคม ไม่ใช่เฉพาะสมาคมแบดมินตัน เนื่องจากบางสมาคมทำตัวเป็นสโมสรเสียเองทำให้เกิดปัญหา
ด้าน พรปวีณ์ กล่าวว่า ยินดีที่จะทำเพื่อชาติ และพี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ในทีมก็เต็มใจที่จะตีเพื่อทีมของเรา ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ขอฝาก ร.อ.ธรรมนัส ช่วยแก้ไขให้ เพื่อพัฒนาวงการกีฬาให้มีนักกีฬารุ่นใหม่แทนรุ่นพี่ได้ทันเวลา
ขณะที่ นายก้องศักด กล่าวว่า จะต้องจบปัญหาให้เร็วที่สุด โดยในระยะสั้นก็คือการได้รับความร่วมมือจากทางสมาคม และ นางสาวพรปวีณ์ จะเดินหน้าทำงานรับใช้ชาติในเรื่องของการเป็นนักกีฬาทีมชาติในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ส่วนเรื่องปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสมาคม นายก้องศักด กล่าวว่า ในฐานะนายทะเบียนได้รับมอบหมายไปดำเนินการ ไม่ใช่เฉพาะแบดมินตันเท่านั้น
เมื่อถามว่า กรณีนักกีฬายิงเป้าบินที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ จะมีการแก้ปัญหาอย่างไร นายก้องศักด กล่าวว่า เป็นหนึ่งในเรื่องที่ ร.อ.ธรรมนัส ดำริว่าจะต้องดำเนินการ โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นบรรทัดฐานต่อไป