ในบรรดานักกีฬาบ้านเรา สมรักษ์ คำสิงห์ คือนักกีฬาที่เต็มไปด้วยสีสันมากที่สุดเท่าที่เมืองไทยเคยมีมา
สีสันอันสวยงามในยามรุ่งโรจน์ โดยเฉพาะวันเป็นฮีโร่โอลิมปิก
สีสันอันขมุกขมัวในยามซวนเซ โดยเฉพาะวันหมดสภาพจากโอลิมปิกครั้งต่อมา
สีสันอันฉูดฉาดในวงการบันเทิง
และ ชีวิตสีเทาในอีกหลายต่อหลายครั้ง
คำว่าแมวเก้าชีวิตสามารถใช้กับยอดมวยไทย ฮีโร่เหรียญทอง และ นักชกสายบันเทิงคนนี้ได้เป็นอย่างดี
หลายครั้งที่ สมรักษ์ ล้มลงจากหลากหลายความผิดพลาด แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาจะไม่มีมือที่คอยฉุดให้ลุกขึ้นมาได้
อาจจะด้วยความที่เป็นคนนิสัยดี เขาจึงมีทั้งเพื่อน พี่น้อง ผู้ใหญ่คอยให้การช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และ ให้โอกาสเสมอมา
รวมทั้งมีครอบครัวที่อยู่เคียงข้าง และ บุตรสาวคนเก่งที่กลายเป็นเสาหลักของบ้านตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ
แต่การเป็นข่าวชนิดถูกต่อยนับถึงแปดครั้งล่าสุดนี้ เขาจะฟื้นคืนกลับมาชนะ หรือ ยันเสมอได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าสนใจพอๆ กับที่ว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับข่าวประเภทนี้ของเจ้าตัวได้หรือยัง
ยกแรก การถูกกล่าวหาในคดีพรากผู้เยาว์ และ อีกบางคดี สมรักษ์ตาม 8-10 คะแนน
ยกสอง เขาต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนเองยังครองสติสัมปชัญญะได้ดี มิได้สิ้นสภาพจากพิษแอลกอฮอล์ และ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนเองถูกทำให้เข้าใจผิด ทั้งจากรูปลักษณ์ และ กฎที่ว่าห้ามคนอายุ 18 เข้าสถานบันเทิงยามราตรี
ทนายของเขาจะต้องทำให้ผู้พิพากษาเชื่อสิ่งที่ยืนยัน จนมิต้องโทษที่ทำให้ถึงขั้นสูญสิ้นอิสรภาพ
แต่ยกสุดท้าย ในทางสังคมแล้ว สมรักษ์ คำสิงห์ อาจจะไม่ได้รับการให้อภัยอย่างที่เคยได้ แม้ว่าเขาจะโสดแล้วก็ตาม
เพราะรอบนี้คะแนนความเห็นใจไหลไปทางสองเด็กน้อยที่ต้องแบกรับจากกระแสสังคมที่บิดาก่อขึ้น
โดยเฉพาะจากเกรียนคีย์บอร์ด และ จากการชี้นำของบรรดาทนายเดินสายที่ไปแนะออกจอ
ซึ่งถ้า สมรักษ์ จะพลิกกลับมาชนะได้ การพิสูจน์ความบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ชัยชนะอย่างเอกฉันท์
หากแต่การใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเพื่อครอบครัวข้างหลังทุกคน รวมทั้งแฟนๆ ในเวลานับจากนี้ จะเป็นผลตัดสินที่สำคัญ และ ยั่งยืน
ฮีโร่ของฉัน และ พ่อของเด็กสองคน