ในขณะที่ จ้าวเงาะ จิตรเมืองนนท์ เปิดตัวบนสังเวียน One Championship ด้วยชัยชนะแบบน็อคเอาท์ตามสไตล์ อันเป็นสถิติน็อครวด 100%
แถมยังเป็นการน็อคคู่ชกชนิดระฆังไม่ทันได้ตีบอกยกที่สองได้ถึง 14 ครั้ง จนถูกขนานนามว่า บุรุษผู้ไม่อนุญาตให้กรรมการให้คะแนนทำงาน หรือ จ้าวเงาะ ลดโลกร้อน
แต่ในส่วนของ อัน บุญโฮม มวยกุนขแมร์ผู้พ่ายแพ้ กลับชอกช้ำหนักกว่าเดิมจากเสียงเย้ยหยันของคอมวยชาวไทย และที่เพิ่มเติมก็คือการถูกขับไล่จากแฟนมวยกัมพูชาที่รับผลการชกไฟต์นี้ไม่ได้
จนถึงขนาดรุมด่าทอ อัน บุญโฮม ด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สามารถฉีกร่างของเหยื่อได้เป็นชิ้นๆ ว่า
“ใครรู้จักนักมวยคนนี้บ้าง”
“หมอนี่มันใช่นักมวยกุนขแมร์ที่ไหนกัน”
“หมอนี่คงเป็นคนบ้านเราที่ไปทำงานก่อสร้างในประเทศไทย เขาไม่ใช่นักมวยจริงๆ”
และ อีกถ้อยคำเหยียดหยามสารพัด
ผู้เขียนจึงนึกไปถึงคำพูดของ เมซุต โอซิล, คาริม เบนเซมา และ โรเมลู ลูกากู 3 นักเตะชื่อดัง เมื่อสมัยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2018 ที่ประสานเสียงรวมใจกันพูดในลักษณะที่ว่า
“ในวันที่ทีมชนะ ผมจะเป็นคนชาติเดียวกับพวกเขา แต่ในวันที่เราแพ้ เราจะเป็นเพียงผู้อพยพ”
ในยุคที่แฟนกีฬาหลายคนเรียนรู้แต่คำว่าชนะ แต่ไม่สามารถสะกดคำว่า “แภ้ , พ้แ” ได้ นักกีฬาหลายคนจึงมักหอบความพ่ายแพ้กลับแผ่นดินเกิดแล้วถูกต้อนรับด้วยพฤติกรรมรุนแรง
โดยเฉพาะจากเกรียนคีย์บอดที่ใจบอด ความคิดบอด ภายใต้ชุดความคิดอันคลั่งชาติ โดยที่ไม่สนใจเลยว่าจะมีสักกี่คน หรือ กี่ทีมกันเชียว ที่เริ่มต้นจนกระทั่งจบลงด้วยคำว่าไร้พ่ายตลอดกาล จนทำให้พวกเขาไร้อภัยให้คนของตัวเอง
ซึ่ง อัน บุญโฮม จะไม่ใช่เหยื่อรายแรก และ รายสุดท้าย 1,000,000 %