แอลพีจีเอเผย “จีโน่” ทุบสถิติสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดในประวัติศาสตร์ทัวร์ 23 ปี ของ “ซอเรนสตัม” ขณะที่ สาวไทยรับไม่คิดฝันมาก่อน เครียมกินส้มตำฉลองแชมป์
เว็บไซต์แอลพีจีเอรายงานว่า นอกจาก “จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟมือ 1 ของโลก จะสามารถป้องกันแชมป์รายการส่งท้ายปี “ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ” ทำสถิติเป็นนักกอล์ฟคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้ 2 สมัยติด ต่อจากโค จิน ยอง อดีตมือ 1 โลกชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเคยทำไว้ในปี 2020-2021 แล้ว
ชัยชนะดังกล่าวยังทำให้ “โปรจีโน่” คว้า 2 รางวัลใหญ่ของฤดูกาล คือ รางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี และ “แวร์โทรฟี่” สำหรับผู้ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดในรอบปี ที่ 68.681 ซึ่งเป็นสถิติสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดในประวัติศาสตร์ทัวร์ ทำลายสถิติเดิม 68.697 ที่ อันนิก้า ซอเรนสตัม ตำนานชาวสวีดิช เคยทำไว้เมื่อปี 2002 ลงได้อีกด้วย
โดยในรอบ 75 ปีที่ผ่านมา มีนักกอล์ฟก่อนหน้า “โปรจีโน่” เพียง 2 คนที่ทำสกอร์เฉลี่ยได้ต่ำกว่า 69 คือ ซอเรนสตัม และลิเดีย โค ที่ทำไว้ในปี 2022
จีโน่ กล่าวว่า ย้อนไปตอนที่ตัวเองยังเด็ก อายุประมาณ 6 ขวบ ตอนนั้นยังเล็กอยู่มาก ไม่รู้ว่าแอลพีจีเอคืออะไร การเป็นมือ 1 โลกเป็นยังไง หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมแอลพีจีเอทัวร์ ได้รู้ว่าเส้นทางของเราคือการเล่นกอล์ฟ ขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไปได้เดินตามรอยด้วย ส่วนเรื่องการทำลายสถิติสกอร์ต่ำสุดของทัวร์นั้นไม่คิดไม่ฝันมาก่อน รู้สึกว่าสุดยอดมากๆ ที่พอทำสถิติสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดในชีวิตได้ก็กลายเป็นสถิติดังกล่าว
จีโน่ เผยอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ ทำให้ซ้อมได้ไม่เต็มที่นัก ก่อนแข่งขันรายการนี้ยังคิดแค่ว่าขอแค่เล่นครบ 4 รอบได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว การได้มายืนตรงนี้ ได้ถือถ้วยแชมป์ในวันอาทิตย์ จึงเป็นอะไรที่เหลือเชื่อและเกินความคาดหมายไปมาก
จีโน่ ยังแสดงความยินดีกับ “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ เพื่อนสนิทในทัวร์ที่คว้าอันดับ 2 ด้วยผลงาน 22 อันเดอร์พาร์ 266 พร้อมรับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (32.5 ล้านบาท) ว่า ยินดีกับโปรเมียวมากๆ เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เป็นนักกอล์ฟเยาวชน เรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน ได้เห็นช่วงชีวิตในการเล่นกอล์ฟของกันและกันมาตลอด โปรเมียวเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสูงมาก ที่ผ่านมามีทั้งช่วงที่ดีและแย่ แต่มาวันนี้เธอประสบความสำเร็จอย่างมาก และภาพรวมปีนี้ก็ทำได้ดีมากๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นคว้าชัยในการแข่งขันรายการนี้ โปรจีโน่ กล่าวติดตลกว่า บางทีอาจจะเป็นเพราะเงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (130 ล้านบาท) ที่เป็นแรงจูงใจ หลังจากนี้ตั้งใจจะหยุดพักผ่อนและไปช้อปปิ้ง แต่ยังไม่มีแผนว่าจะซื้ออะไร เพราะปีนี้ใช้เงินไปเยอะแล้ว ส่วนการฉลองแชมป์นั้นมีร้านอาหารไทยที่เป็นร้านประจำของตัวเองอยู่ ช่วงแข่งอดใจไม่ทานส้มตำเพราะกลัวไม่ดีกับท้อง แต่ตอนนี้รีเควสต์ส้มตำกับทางร้านไว้แล้ว จะรีบไปทานเพื่อฉลองทันที
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรายการนี้ ทำให้ปีนี้ “โปรจีโน่” ทำเงินรางวัลสะสม 7,578,330 ดอลลาร์สหรัฐ (246.3 ล้านบาท) มากที่สุดในทัวร์ และเป็นสถิติทำเงินรางวัลสะสมสูงสุดต่อฤดูกาล ทำลายสถิติเดิมที่ตัวเองทำไว้ 6,059,309 ดอลลาร์สหรัฐ (196.9 ล้านบาท) ลงได้ด้วย