ในฐานะนักกีฬาอาชีพ “การเสียสละชีวิตส่วนตัว” ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จ
ทุกช่วงเวลาของนักกีฬาระดับโลกเหล่านี้ ต่างก็ต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม เพื่อให้พร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขันที่รออยู่
เช่นเดียวกับ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักกีฬาแข่งรถชาวไทย ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่อยู่ระหว่างช่วงพักเบรกฤดูกาล 5 สัปดาห์
เจ้าตัวใช้ช่วงเวลานี้เดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อเติมพลังงานให้กับตัวเอง แต่ยังมีตารางการทำงานที่ชัดเจน
“ก้อง” บอกว่าขอใช้เวลา 1 สัปดาห์เพื่อพักผ่อนกับครอบครัวและเพื่อนๆ หลังจากนั้น เขามีโปรแกรมที่ต้องทำร่วมกับ “ไทยฮอนด้า” ซึ่งสำคัญกับเขาอย่างมาก
หลายคนอาจมีคำถามว่า กีฬาแข่งรถ ทำไมต้องออกกำลังกายและซ้อมหนักขนาดนั้น
“ก้อง” ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “นักแข่งรถอาชีพในระดับยุโรป เขาพยายามซ้อมทุกวัน สัปดาห์ที่ว่างก็จะไปซ้อมทุกวัน ปั่นจักรยาน ขี่รถซ้อมในสนาม หรือ โมโตครอส นั่นคือเหตุผลที่ผมได้คิดได้ลองทำ มันช่วยให้เราพร้อมอยู่เสมอ มันคือความพยายามในการรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลาที่กลับสู่โปรแกรมการแข่งขัน จะให้เรามีความเร็วในระดับที่ดีอยู่เสมอ มันคือการรักษามาตรฐานของตัวเอง”
สำหรับนักแข่งอาชีพ การมี “คู่หูคู่ใจ” คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผ่านความหนักหน่วงของการฝึกซ้อมมาได้
โดยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา “ก้อง” มีความสนิทสนมอย่างมากกับ “แซงค์” กฤษฎา จำรูญจารีต แชมป์โมโตครอสประเทศไทย 4 สมัย ในสังกัด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์
ทั้งคู่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเพียงเพราะเป็นนักกีฬาจากสังกัดเดียวกัน แต่กลับมีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน แถมยังแลกเปลี่ยนมุมมอง แม้จะต่างกันสุดขั้วในแบบของ “ทางเรียบ” และ “ทางฝุ่น” ก็ตาม
“ผมใช้การซ้อมโมโตครอสเพื่อสร้างกำลังแขนและขา และการฝึกสมาธิ ที่สามารถเอาไปใช้กับรถทางเรียบได้ มันช่วยฝึกในการควบคุมรถแข่ง ช่วงเบรกหนักๆ ที่รถสะบัด”
“รถโมโตครอสจะเป็นรถที่ค่อนข้างสะบัดเยอะ หลุมค่อนข้างเยอะ เราจะพยายามทำอย่างไรให้เราขี่ได้ค่อนข้างนิ่ง ซึ่งเอาไปปรับใช้กับการขี่ทางเรียบได้”
“ส่วนใหญ่ในสัปดาห์หนึ่งจะมีให้เวลาซ้อมโมโตครอส 3 วัน โดยจะใช้เวลาช่วงบ่าย ประมาณ 4 ฮีต ฮีตละ 20 นาที อีก 2 วัน ผมจะฝึกทางเรียบต่อ ส่วนวันที่เหลือก็แบ่งให้กับการเล่นยิมหรือไปวิ่ง ฟื้นฟูร่างกายด้วยการออกกำลังเบาๆ”
“ผมกับ แซงค์ เราจะซ้อมด้วยกันตลอด ทุกครั้งมีแผนว่าเราจะซ้อมอะไร ทำอะไรบ้าง แก้ตรงไหน เพื่อให้สามารถเอาไปใช้กับในรายการที่เราแข่ง ซึ่ง แซงค์ เป็นแชมป์ประเทศไทย 4 สมัย เทคนิคต่างๆ ของเขาช่วยผมได้เยอะ เราพยายามแลกเปลี่ยนความคิดกัน มันช่วยผมได้เยอะมาก”
“พอกลับไปขี่รถทางเรียบ มันจะทำให้เราปรับปรุงตัวเองโดยอัตโนมัติ และเวลาผมไปซ้อมทางเรียบ ก็จะพา แซงค์ ไปด้วย เราก็จะไปแลกเปลี่ยนกัน พยายามหารายละเอียดแชร์กัน”
สำหรับ “ก้อง” สมเกียรติ มีตารางแข่งขัน 12 สนามที่เหลือของ โมโตทู 2023 ซึ่งถือเป็นโปรแกรมการเดินทางและการทำงานที่โหดและหินมาก
ในสนามที่เหลือเหล่านั้น มีหลายสนามโปรดของเขา นั่นทำให้นักบิดไทยรายนี้มีความหวังอย่างมากที่จะขึ้นโพเดียมแรกให้ได้ และขยับอันดับโลกเข้าไปหากลุ่มหัวแถว
“ช่วง 12 สนามที่เหลือผมจะสู้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับที่ทำมาเสมอ ที่ ออสเตรเลีย เป็นสนามที่ผมเคยทำได้ดีและชื่นชอบ รวมถึงสนามในโซนเอเชียที่ผมอยากเก็บโพเดียมให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะที่ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย”
“ส่วนในเมืองไทยเป้าหมายเดียวคือคว้าชัยชนะโฮมเรซให้ได้ มันคือการตอบแทนแฟนๆ ที่เข้ามาชมในสนามได้ดีที่สุด นั่นคือหนึ่งในความฝันของผม” สมเกียรติ ทิ้งท้าย
เส้นทางสายนี้ของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย และด้วย “วิถีแห่งนักกีฬาอาชีพ” เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเป้าหมายสูงสุด
ไม่เพียงใน โมโตทู ฤดูกาลนี้ แต่คือเป้าหมายสู่ โมโตจีพี ในอนาคต ตามโร้ดแมปของ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม”
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา พร้อมส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดไทยในศึก โมโตจีพี รุ่นโมโตทู ตลอดทั้งฤดูกาล และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/