สองนัดบิดคู่หูดูโอ้ “ก้อง-สมเกียรติ” และ “ก๊องส์-ธัชกร” หวังจารึกประวัติศาสตร์ใน “ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” ให้เพลงชาติไทยดังกระหึ่มสนามโฮมเรซ
ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก เดินทางถึงเรซที่ 17 ของฤดูกาล 2023 และเป็นเรซที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตไทย ตั้งตารอสำหรับศึก MotoGP “ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์” ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2023 ที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
นอกจากนักบิดระดับโลกแล้ว แฟนมอเตอร์สปอร์ตไทย ยังได้ร่วมส่งกำลังใจเชียร์เหล่านักบิดฮีโร่ตัวแทนของไทย ลงสนามต่อกรกับเหล่านักบิดทั่วทุกมุมโลก เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง ซึ่งไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์ 2023 นี้ มีสองนักบิดชาวไทย ตัวแทนจาก ฮอนด้า ร่วมลงแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะมาฝากแฟนๆชาวไทย
คนแรก “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดหนุ่มหมายเลข 35 ในรุ่น Moto2 ส่วนอีกคน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งหมายเลข 33 ที่ได้รับสิทธิ์ Wild Card ในรุ่น Moto3 สนามที่ 4 ในฤดูกาลนี้ และเป็นผลผลิตชิ้นโบว์แดงที่ ไทยฮอนด้า ภาคภูมิใจ ร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ชื่อนี้แฟนสองล้อไทยรู้จักกันดี หนุ่มวัย 24 ปีจากชลบุรี กำลังสร้างผลงานร้อนแรงต่อเนื่องในศึก Moto2 ฤดูกาลนี้ โดยคว้าแชมป์ที่ญี่ปุ่น และโกยคะแนนสะสมติดต่อกันจนรั้งอันดับ 5 ของตารางชิงแชมป์โลก มีคะแนนสะสมอยู่ที่ 127.5 คะแนน
สำหรับ สมเกียรติ เกิดและเติบโตที่ จ.ชลบุรี ด้วยความรักในกีฬาความเร็วตั้งแต่เด็ก และความตั้งใจ ทำให้เขาได้รับโอกาสจาก ไทยฮอนด้า เริ่มขี่รถแข่งด้วยวัยแค่ 9 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นเขาฝึกฝน และพัฒนาทักษะการขับขี่กับทีมโค้ชมืออาชีพ ก่อนถูกส่งลงแข่งรายการชิงแชมป์ประเทศไทยในรุ่น CBR250 สั่งสมประสบการณ์บนสังเวียนระดับประเทศ 5 ปีด้วยกัน
สมเกียรติ ได้ฉายแสงเพิ่มขึ้นในสังเวียนเอเชีย เมื่อ Dorna ผู้จัดการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลก คัดเลือกให้เป็นนักแข่งในรายการ Asia Talent Cup โครงการสร้างนักแข่งดาวรุ่งเอเชียในปี 2013 ในวัย 15 ปี สมเกียรติ ใช้เวลาเพียง 3 ปีสร้างผลงานยกระดับฟอร์มการบิด จนคว้าแชมป์ดาวรุ่งเอเชีย Asia Talent Cup ในปี 2016 และกลายเป็นรายการที่ช่วยให้เขาได้แจ้งเกิด
เด็กหนุ่มชลบุรี ไม่ยอมหยุดแต่เพียงเท่านี้ เมื่อได้รับสิทธิ์เข้าร่วมรายการที่ใหญ่ขึ้นอย่าง FIM CEV Moto3 ในปี 2017-2018 โดยสร้างผลงานยอดเยี่ยมอันดับ 9 บนตารางชิงแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์ ในปี 2018 ถือเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ และกระดูกให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
ปี 2018 สมเกียรติ ได้รับสิทธิ์ Wild Card ลงแข่ง Moto3 รายการ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ครั้งแรกของประเทศไทย และในรอบชิงชนะเลิศ สมเกียรติ บิดสู้กับนักแข่งระดับโลกได้แบบไม่เป็นรอง ก่อนซิ่งเข้าอันดับ 9 เรียกเสียงปรบมือ และความประทับใจจากแฟนชาวไทยกระหึ่มสนาม
ผลงานอันดับ 9 ในวันนั้นก็เปรียบเสมือนบัตรผ่านประตูสู่เวทีโลกอย่างแท้จริงเมื่อ สมเกียรติ ได้รับโอกาสจาก มร.ฮิโรชิ อาโอยาม่า ผู้จัดการทีม Honda Team Asia ดึงตัวเขามาอยู่ภายใต้สังกัด ในรุ่น Moto2 ปี 2019 แบบเต็มฤดูกาลครั้งแรก เท่ากับว่าเหล่าทีมงานนักบิดระดับโลก ยอมรับฝีมือและความสามารถแบบไร้ข้อกังขา
ตั้งแต่ปี 2019 สมเกียรติ ในบทบาทของนักบิดมืออาชีพแบบเต็มตัว ได้ลงแข่ง Moto2 มา 5 ฤดูกาลติดต่อกัน ผลงานความสำเร็จแรกคือ แชมป์ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2022 ซึ่งนับเป็นแชมป์อาชีพใบแรก ก่อนทยอยยึดโพเดียมสนามต่างๆ เก็บคะแนนสะสมเพิ่มเติม และมาคว้าแชมป์อีกครั้งในปี 2023 ในศึก เจแปนิส กรังด์ ปรีซ์ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ด้วยผลงาน และประสบการณ์บนแทร็คที่สั่งสมเพิ่มขึ้นในทุกปี ทำให้ศึกไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ยกให้ สมเกียรติ เป็นตัวเต็งระดับแถวหน้าสำหรับการลุ้นคว้าแชมป์ Moto2 โฮมเรซ ในบ้านเกิดของตัวเอง
ด้านนักบิดดาวรุ่ง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี อีกหนึ่งผลิตผลของ ไทย ฮอนด้า เส้นทางความเร็วคล้ายคลึงกับ สมเกียรติ ตรงที่ได้เข้าร่วมโครงการ Honda Racing School ตั้งแต่ 9 ขวบ ได้รับการบ่มเพาะฝีมือการขับขี่บนแทร็กจากทีมโค้ชมืออาชีพ และถูกส่งไปแข่ง Thailand Talent Cup ปี 2016 เป็นเวทีเปิดตัวระดับประเทศ และได้แชมป์ในปี 2017 ซึ่งเป็นตั๋วใบสำคัญที่ได้ไปลุย Asia Talent Cup ปี 2018-2019 ทำให้มีโอกาสดวลความเร็วกับนักบิดเอเชียมากมาย และทำผลงานน่าประทับใจคว้า 1 แชมป์ กับ 4 โพเดียม ก่อนก้าวสู่ระดับ World Junior ลงบิดในศึก MotoGP Rookies Cup ปี 2020 เก็บ 1 แชมป์ และ 8 โพเดียม ภายใน 3 ปี
เมื่อถึงปี 2018-2019 ถึงเวลาที่ ธัชกร ได้ออกไปโลดแล่นบนสังเวียนเอเชีย Asia Talent Cup ทำผลงานคว้า 1 แชมป์กับ 4 โพเดียม ซึ่งแชมป์ที่เขาคว้ามาได้ ก็คือแชมป์ในการแข่งขันที่ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในปี 2019
วันเวลาผ่านไป “ก๊องส์” เติบโตขึ้นพร้อมกับฝีมือที่พัฒนาต่อเนื่อง เขาได้ลงแข่ง FIM JuniorGP ปี 2020-2023 คว้า 1 แชมป์ที่โปรตุเกส และจบอันดับ 9 บนตารางคะแนนสะสมในปี 2022 และในปี 2023 ธัชกร ได้รับสิทธิ์ Wild Card ลงแข่งรุ่น Moto3 ให้กับ Honda Team Asia ทีมเดียวกับ “ก้อง” รุ่นพี่ที่ลงบิดในรุ่น Moto2
ดาวรุ่งวัย 22 ปีจากสมุทรปราการ ได้สิทธิ์ Wild Card ลงแข่ง Moto3 จำนวน 4 สนามคือ เยอรมัน กรังด์ ปรีซ์ ที่เยอรมัน, ออสเตรียน กรังด์ ปรีซ์ ที่ออสเตรีย, คาตาลัน กรังด์ ปรีซ์ ที่สเปน และไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์ ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มไต่อันดับดีขึ้นทุกสนาม จนในที่สุดก็ได้รับข่าวดีเมื่อ มร.ฮิโรชิ อาโอยาม่า ผู้จัดการทีม Honda Team Asia อ้าแขนรับมาร่วมทีมในฐานะนักบิด Moto3 ฤดูกาล 2024 แบบเต็มตัว คู่กับ ไทโย ฟุรุซาโตะ ทีมเมทชาวญี่ปุ่น
เห็นได้ชัดเจนว่าเส้นทางการเป็นนักบิดมืออาชีพระดับโลกของ สมเกียรติ และธัชกร ไม่ง่ายเลย และต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และพัฒนาความสามารถหลายปี ตั้งแต่อยู่ที่ไทย ไปถึงเวทีระดับเอเชีย และยุโรป ทั้งยังต้องมีทีมงานมืออาชีพคอยซัพพอร์ตทุกย่างก้าว ซึ่งเป็น ไทยฮอนด้า ที่ดูแล คอยสนับสนุน และผลักดันทั้งสองให้ไปถึงฝั่งฝัน
“ก้อง-สมเกียรติ” จะรับหน้าที่ในรุ่น Moto2 และ “ก๊องส์-ธัชกร” จะลงดวลในรุ่น Moto3 โดยมีเส้นทางสู่ฝัน และเป้าหมายเดียวกันคือเอาตำแหน่งแชมป์ และโพเดียมมาฝากแฟนชาวไทยให้จงได้ และทำให้เพลงชาติไทย ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ อีกด้วย!
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream