“กาบัดดี” คือหนึ่งในกีฬายอดนิยมของภูมิภาคเอเชียใต้ และเป็นที่รู้จักมากขึ้นภายหลังก่อตั้งลีกอาชีพ “โปร กาบัดดี ลีก” กลายเป็นธุรกิจกีฬาที่ดึงดูดผู้ชมสร้างฐานแฟนคลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่หากมองในระดับนานาชาติ “กาบัดดี” ยังไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แตกต่างกับกีฬายอดฮิตอย่าง ฟุตบอล หรือ เทนนิส อย่างสิ้นเชิง
ศึก เวิลด์ คัพ 2016 ซึ่งมี 12 ชาติร่วมแข่งขัน มี 5 ชาติที่มาจากนอกทวีปเอเชีย ได้แก่ อาร์เจนตินา, เคนยา, สหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ และโปแลนด์ ทั้งหมดไม่มีทีมใดทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้เลย และมีถึง 3 ชาติที่จบอันดับสุดท้ายหรือรองสุดท้ายของกลุ่ม เป็นสิ่งตอกย้ำว่า กาบัดดี ยังใหม่ในระดับโลก
วันนี้เราจะมาแนะนำ ต้นกำเนิด, กติกา และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกีฬา กาบัดดี
-ต้นกำเนิด
หลักฐานในอดีตบ่งชี้ว่า กาบัดดี เริ่มเล่นแพร่หลายในประเทศอินเดียและประเทศใกล้เคียง ก่อนจะพัฒนาสู่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยคำว่า “กาบัดดี” มาจากรากศัพท์ที่มีความหมายว่า “มือ“
ศตวรรษที่ 20 กาบัดดี มีการเล่นแพร่หลายไปทั่วเอเชียใต้ในปี 1930 โดยในปี 1923 มีกฏกติกาและจัดแข่งขันระดับชาติ นำไปสู่การจัดตั้งสมาพันธ์ ออลอินเดียกาบัดดี ในปี 1950
จากนั้นสองปีถัดมาริเริ่มจัดแข่งขันระดับทีมชาติครั้งแรกในประเภททีมชาย ก่อนจะมีการก่อตั้งสหพันธ์กาบัดดีสมัครเล่นในปี 1972 โดยมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่กีฬาชนิดนี้ไปสู่เพื่อนบ้าน และเริ่มจัดแข่งขันระดับเยาวชน รวมถึงโครงสร้างการบริหารงานขององค์กรกาบัดดีแข็งแกร่งอย่างเป็นระบบ
-กติกาการเล่น
ผู้เล่นฝั่งละ 7 คน มีผู้เล่นสำรองฝั่งละ 5 คน ทำให้ทั้งหมดแต่ละทีม จะมีผู้เล่น 12 คน
ช่วงเวลาแข่งขันสองครึ่ง ครึ่งละ 20 นาที พักเบรก 5 นาที
สนามแข่งขัน ประเภทชายจะกว้าง 10 เมตร ยาว 13 เมตร จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 80 กิโลกรัม ส่วนประเภทหญิง กว้าง 8 เมตร ยาว 12 เมตร จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 70 กิโลกรัม
ผู้เล่นฝ่ายรุก หากเดินเลยเส้นกลางสนามไปแล้ว ต้องเปล่งเสียง “กาบัดดี” ตลอดช่วงการหายใจครั้งเดียว และต้องพยายามแตะตัวฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งกลับไปแตะเส้นกลางสนามให้ได้
หากผู้เล่นฝ่ายรุกคนนั้นใช้เวลารุกนานกว่า 30 วินาที ไม่กลับแดนของตัวเอง ฝ่ายรับจะได้คะแนนทางเทคนิค 1 คะแนนทันที
ขณะที่ กาบัดดี โปรลีก หรือ พีเคแอล ได้มีการปรับเปลี่ยนกติกาการให้คะแนนบางข้อเพื่อความสนุกตื่นเต้นเร้าใจ โดยฝ่ายรุกและรับมีโอกาสได้แต้มอย่างต่อเนื่อง
นั่นยิ่งทำให้กีฬาโบราณของชาวอินเดียมีเสน่ห์และน่าสนใจ นำไปสู่การสร้างเม็ดเงินหล่อเลี้ยงและพัฒนากีฬากาบัดดีในอนาคต