Link Copied!

“คิงบ๊อกซิ่ง” ความหวังใหม่ของแฟนกีฬาไทย

หากพูดถึงกีฬา “คิก บ๊อกซิ่ง” เชื่อได้เลยว่าแฟนกีฬาชาวไทยแทบจะไม่มีใครสนใจ ต่างมองข้ามไปแบบไม่สนใจใยดี เพราะ ประเทศไทย มี“มวยไทย” เป็นกีฬายอดนิยมอยู่แล้วอีกทั้ง กติการการต่อสู้บนเวทีก็คล้ายๆกัน แต่มวยไทยจะดูสนุกกว่า ไม่มี ข้อห้ามหยุมหยิม มากวนใจ

ที่ผ่านมา ในไทย กีฬา คิก บ๊อกซิ่ง จึงไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไร 

คิก บ๊อกซิ่ง เกิดขึ้นเมื่อปี 1950 โดยชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ โอซามู โนกูจิ จากการที่เขาชื่นชอบศิลปะการต่อสู้และออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อดูการต่อสู้ของประเทศต่างๆ แล้วเขาก็มาพบกับ มวยไทยที่ประเทศไทย และ คาราเต้ เขาจึงดัดแปลงมวยไทยผสมกับคาราเต้ขึ้น ซึ่งในตอนแรกถูกเรียกว่า คาราเต้ บ็อกซิ่ง (Karate-Boxing) แต่ต่อมา โอซุมะ โนงูชิ ได้เปลี่ยนใหม่เพื่อความเป็นสากลจึงใช้ชื่อ “คิกบ็อกซิ่ง” (Kick-Boxing) ซึ่งก็ค่อยๆได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยจากแฟนกีฬาทั่วโลก

โดย จุดหลักๆที่ คิก บ๊อกซิ่ง ต่างจาก มวยไทย คือ ห้าม ตีศอก และ จับคอตีเข่า

มีการแข่งขัน 2 ประเภทคือ 

-Full contact เป็นรูปแบบการต่อสู้ด้วยการชกและเตะที่หัวและลำตัว (เหนือเอวขึ้นไป)

-Low kick เป็นรูปแบบการต่อสู้ด้วยการชกและเตะที่หัว ลำตัว และขา(ช่วงระหว่างต่ำกว่าเอวและเหนือหัวเข่า)

แม้ว่า คิกบ๊อกซิ่งจะไม่เป็นที่ยอมรับในไทยเท่าไร แต่ ในระดับสากล คิกบ๊อกซิ่ง กลับได้รับความสนใจเป็นที่ยอมรับมี องค์กรระดับนานาชาติอย่าง สมาคมคิกบ็อกซิ่งโลก WORLD ASSOCIATION OF KICKBOXING ORGANIZATION หรือ WAKO ค่อยควบคุมดูแลการแข่งขัน คิกบ๊อกซิ่ง ทั่วโลก ให้ มีกติกา ระเบียบวิธี ชุดแข่งขัน สนาม ที่มีมาตราฐานเหมือน

และล่าสุด คณะกรรมการโอลิมปิกสากล International Olympic Committee หรือ IOC ก็ลงมติรับ กีฬาคิกบ็อกซิ่ง และ WAKO สมาคมคิกบ็อกซิ่งโลก อย่างเป็นทางการ มีลุ้นบรรจุเข้าชิงชัย โอลิมปิกเกมส์ ในอนาคต เรียบร้อยแล้ว

โดย คิกบ๊อกซิ่ง ในไทยตอนนี้ก็มี สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย ดูแลอยู่ มี พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นนายกสมาคมฯ และ เมื่อปีที่แล้วก็สร้างความฮือฮา เมื่อ สมาคมแต่งตั้ง บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อก้องโลก มาเป็นรับตำแหน่งกรรมการบริหารของสมาคม

และในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม บัวขาว ก็รับหน้าที่ ผู้จัดการนำทีมนักกีฬา คิกบ๊อกซิ่งของไทย ลุยศึก โดยประกาศจะคว้าเหรียญทองเหรียญแรก ในการแข่งขัน คิกบ๊อกซิ่ง ซีเกมส์ ให้ได้ 

แม้ว่าที่ผ่านมา แฟนกีฬาชาวไทยหลายคน จะไม่สนใจ คิกบ๊อกซิ่ง แต่การได้ บัวขาว มาสร้างแรงบันดาลใจ สร้างสีสัน ถือว่าอย่างน้อยก็ทำให้คนไทยรู้จักกีฬาชนิดนี้ มากขึ้น

ซึ่งหลังจาก ทัวนาเม้นท์ ซีเกมส์ ที่เวียดนามแล้ว บัวขาว ก็ยังมีแผนส่งนักกีฬาคิกบ๊อกซิ่งของไทย ไปลุยศึกระดับนานาชาติอีกหลายรายการ อย่าง

– การแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์มาร์เชียลอาร์ต เกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ประเทศไทย ปี 2565

– การแข่งขันกีฬาเวิลด์เกมส์ ครั้งที่ 11 ปี 2566 ที่เมืองเบอร์มิงแฮม รัฐอะลาบามา สหรัฐอเมริกา

– การแข่งขันกีฬาเวิลด์คอมแบทเกมส์ ปี 2566 กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย 

ถือเป็นการทำทีมที่มีระบบแบบแผนพอสมควร ซึ่งหากในอนาคต คิกบ๊อกซิ่ง ได้รับการบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกสากล ขึ้นมาจริง อย่างน้อย เราก็ยังมีทรัพยากร นักกีฬา ที่มีคุณภาพ เข้าร่วมการแข่งขัน เป็นชนิดกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอย่างที่เกริ่นในตอนแรก คิกบ๊อกซิ่ง ก็มีรากฐานมาจาก “มวยไทย”  หากนำนักมวยไทย มาฝึกอย่างจริงจัง น่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จไม่อยาก อย่างน้อยในการแข่งขันระดับนานาชาติ หากนักกีฬาได้เหรียญรางวัลก็ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล หลักแสน หลักล้าน เลยทีเดียว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของนักมวยไทยที่ อย่างจะเบนเข็มมาหัดเล่นกีฬาคิกบ๊อกซิ่ง 

บางคนอาจจะด้อยค่า “คิกบ๊อกซิ่ง” ว่าเทียบชั้นกับ “มวยไทย” ไม่ได้เลย แต่หาก คิกบ๊อกซิ่ง ได้บรรจุเข้าโอลิมปิก ก่อน มวยไทย อันนี้ ก็น่าคิดเหมือนกันว่า การบริหารจัดการของสมาคมกีฬาในบ้านเรา ที่มัวแต่ทะเลาะกันเอง ปัดแข้งปัดขากันไปมาอยู่หลาย 10 ปี ท้ายสุดท้ายแล้ว “มวยไทย”ที่ว่ากันว่า สนุกกว่า “คิกบ๊อกซิ่ง”หลายเท่า ก็คงเป็นแค่ ตัวหนังสือ ที่ ใครบ้างคน เอาไว้ ของบประมาณจาก รัฐบาล ซึ่งก็คือภาษีจากคนไทยทั้งชาติ โดยอ้างว่าจะนำมาผลักดันทำให้ “มวยไทย” ไป “โอลิมปิก” 

ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่แน่ใจเลยว่า “บอลไทย”จะไป “บอลโลก” หรือ “มวยไทย” จะไป “โอลิมปิก” ก่อนกัน

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares