แม้พาราลิมปิก โตเกียว 2020 จะจบการแข่งขันไปแล้ว แต่บรรยากาศในประเทศไทย ยังคงอบอวลไปด้วยความชื่นใจใน ความสำเร็จ และแรงบันดาลใจที่ท่วมท้น จากผลงานการคว้าเหรียญรวมของนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ไม่น้อยหน้าพาราลิมปิก ครั้งก่อนๆ มา
ที่สำคัญคือ เหรียญรางวัลที่ได้ในโตเกียวเกมส์ครั้งนี้มาจากผลงานของทั้งนักกีฬารุ่นพี่มากประสบการณ์ และนักกีฬาดาวรุ่ง ที่ผงาดขึ้นมาสร้างผลงานอันเป็นที่น่าจดจำ
ในส่วนความสำเร็จของทีมวีลแชร์เรซซิ่ง นอกจากจะเป็นการตอกย้ำความเป็นทีมแถวหน้าของโลกแล้ว ยังบอกกล่าวเรื่องราว ของการส่งต่อสืบสานความสำเร็จของนักกีฬาจากรุ่นสู่รุ่นได้เป็นอย่างดี
ประวัติ วะโฮรัมย์ ผู้มากประสบการณ์และลงแข่งมาตั้งแต่ปี 2000 ยังรักษามาตรฐานนักกีฬาพาราระดับโลก ด้วยผลงาน เหรียญเงินระยะ 1,500 เมตร และสายชล คนเจน อีกหนึ่งตำนานนักวีลแชร์เรซซิ่งไทย ที่คว้าเหรียญทองแดงจากระยะ 800 เมตร คลาส T54 มาครองได้ในครั้งนี้
ในขณะที่ พงศกร แปยอ นักซิ่งรุ่นน้องประกาศศักดาในโตเกียวเกมส์ด้วยการคว้า 3 เหรียญทอง ในคลาส T53 ประเดิมทองแรก ในระยะ 400 เมตร พ่วงด้วยการทำลายสถิติโลก ตามด้วยระยะ 800 เมตร และ 100 เมตร ที่มาพร้อมสถิติพาราลิมปิกใหม่
ย้อนอดีตไปเมื่อครั้งพงศกร เข้าสู่วงการเป็นครั้งแรก ก็เป็นเพราะประวัติ วะโฮรัมย์ และ เรวัตร์ ต๋านะ นักแข่งรุ่นพี่เดินทางไป พบพ่อแม่ของพงศกร เพื่อขอให้เขาได้รับการดูแลและฝึกสอนอย่างเป็นระบบ ต่อมาในภายหลัง ประวัติได้มอบวีลแชร์คู่ใจ ที่ผ่านสนามมานับครั้งไม่ถ้วนให้กับพงศกร เพื่อให้นักแข่งรุ่นน้องได้มีจุดเริ่มต้นที่ดี ทั้งยังให้คำแนะนำ สนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทางการแข่งขัน
ซึ่งพงศกรก็ตอบแทนน้ำใจรุ่นพี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลงแข่งพาราลิมปิก ด้วยการคว้า 2 เหรียญทองในริโอเกมส์ 2016 ความสำเร็จของพงศกรไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะในโตเกียวเกมส์ 2020 เขากลายเป็นนักกีฬาพาราคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญทอง 3 เหรียญจากการแข่งขันเพียงครั้งเดียว
ส่วนคลื่นอีกลูกที่ขึ้นฝั่งที่โตเกียว ก็คือนักกีฬารุ่นน้องอายุเพียง 18 ปี นามว่า อธิวัฒน์ แพงเหนือ ที่เพิ่งเข้าร่วมพาราลิมปิก เป็นครั้งแรก กับการคว้าเหรียญทองเจ้าความเร็วระยะ 100 เมตรในคลาส T54 แถมชัยชนะที่ได้มาก็เป็นการโค่นแชมป์เก่า 4 สมัย ลีโอ เป๊กก้า ทาห์ติ จากฟินแลนด์ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พ่วงด้วยอีก 1 เหรียญเงิน จากวีลแชร์เรซซิ่ง ระยะ 400 ม.
อธิวัฒน์เริ่มต้นการแข่งวีลแชร์เรซซิ่ง ในตอนที่ประวัติได้กลายเป็นไอคอน แบบอย่างของนักกีฬาพารา สำหรับอธิวัฒน์นั้น ความสำเร็จของประวัติเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เขาได้ตระหนักว่าข้อจำกัดทางร่างกายไม่สามารถกีดกั้นคนเรา จากการสร้างความยิ่งใหญ่ได้ ในขณะที่วินัยในการฝึกซ้อมที่รุ่นพี่อย่างประวัติทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ก็กลายเป็นแบบแผน ที่เขายึดถือปฎิบัติ จนประสบความสำเร็จตั้งแต่การลงแข่งพาราลิมปิกครั้งแรก
เรียกได้ว่าคลื่นลูกใหม่ทั้ง 2 คน มีประวัติ วะโฮรัมย์ ที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจและผู้สร้างเส้นทางให้พวกเขาได้ดำเนินรอยตาม
ความสัมพันธ์ที่ให้ความช่วยเหลือดูแล สนับสนุนตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนก้าวสู่ความสำเร็จ เป็นสายสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องซึ่งเราไม่ค่อยพบเห็นในวงการนักกีฬาอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักกีฬารุ่นพี่มักจะลาวงการไปก่อน แล้วจึงกลับมาช่วยฝึกสอนรุ่นน้องในฐานะ โค้ชเสียมากกว่า
ลำพังการก้าวสู่ความสำเร็จของนักกีฬาพารานั้น ต้องการความมุ่งมั่น ศรัทธาและกำลังใจสูงยิ่ง เพราะพวกเขาต้องเอาชนะศัตรูตัวเอก นั่นก็คือจิตใจของพวกเขาเอง แต่เรากลับพบว่าแม้ว่านักกีฬาพาราจะมีภาระต่อสู้ทางใจหนักหนาเพียงใด แต่พวกเขา ยังมีที่ว่างในใจที่จะโอบรับ ให้โอกาส ดูแล ฝึกสอน และสนับสนุนนักกีฬาพารารุ่นน้องให้ก้าวสู่ความสำเร็จเหมือนที่รุ่นพี่ ได้เคยสัมผัสมา
ประวัติ วะโฮรัมย์ นั้นได้รับการยอมรับนับถือในฐานะนักกีฬาพาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก เป็นผู้ที่คว้าเหรียญทองให้ประเทศไทยมากที่สุดนับตั้งแต่ไทยเข้าร่วมพาราลิมปิกเกมส์ รวมไปถึงนักวีลแชร์เรซซิ่งในรุ่นเดียวกัน อย่าง สายชล คนเจน และเรวัตร์ ต๋านะ ที่คว้าเหรียญรางวัล สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด
ส่วนพงศกรนั้นเปรียบเสมือนคลื่นลูกใหม่ที่ขึ้นฝั่งครั้งแรกที่บราซิล และกลายเป็นสึนามิที่โตเกียว ในขณะที่อธิวัฒน์ก็ส่องแสงแรกของเขาได้อย่างน่าจดจำที่โตเกียวเช่นกัน
ถึงตอนนี้ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของตำนานที่ยังมีลมหายใจแบบประวัติ วะโฮรัมย์ หรือไม่ แต่สิ่งที่ประวัติเองรู้อย่างแจ่มชัดในใจคือ ทีมวีลแชร์เรซซิ่งของไทยที่เขารัก ได้มีผู้สืบต่อความเกรียงไกรที่รุ่นพี่อย่างเขาและเพื่อนๆเริ่มต้นไว้อย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นผลผลิตชั้นยอดจากสายสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่พวกเขามีให้กัน
ติดตาม ซีรีส์ 10 ตอน #แสงสว่างและความฝัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ในการใช้ชีวิตได้ที่นี่!!!
