นักวิ่งนับแสนแห่ร่วม “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” ตอกย้ำความสำเร็จ-เสียงตอบรับแนวคิดใหม่ที่สร้างสวรรค์ของนักวิ่งอย่างแท้จริง “สัญชัย นามเขต” ฝ่าอาการตะคริว คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ตามคาด ครองถ้วยพระราชทานได้สำเร็จ
“บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สุดยอดไนท์รัน อันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย แข่งขันปีที่ 9 วันที่ 25 มกราคม 2568 โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ร่วมกับ นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้สนับสนุนภาคเอกชน นำโดย นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง และตัวแทนภาครัฐ เอกชน ร่วมเป็นเกียรติมากมาย
การแข่งขันทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.),ระยะมินิมาราธอน (10.0 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.) ชิงชัยที่สนามมาตรฐานโลกถึง 2 สนาม ออกสตาร์ตที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถระดับโลก และเข้าเส้นชัยที่ ช้าง อารีนา สนามฟุตบอลรังเหย้าของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ทั้งนี้ รายการนี้ยังมอบโอกาสต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับเมเจอร์มาราธอนให้กับนักวิ่งไทย ชาย 10 คน หญิง 10 คน ที่ทำเวลาดีที่สุดในระยะฟูลมาราธอนที่ล๊อตโต้ได้ในงานโตเกียวมาราธอน สนับสนุน ค่าสมัคร ค่าที่พักและค่าเดินทาง
ผลการแข่งขัน ระยะมาราธอน (42.195 กม.) ฝ่ายชาย ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก เวนด์เวเซ่น ดัมเท จากเอธิโอเปีย ทำเวลาได้ 2.23.25 ชั่วโมง, อันดับ 2 สัญชัย นามเขต เจ้าของเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทำเวลาได้ 2.33.19 ชั่วโมง คว้าแชมป์คนไทยและครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นสมัยที่ 6, อันดับ 3 เบล-ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม ทำเวลาได้ 2.36.13 ชั่วโมง และอันดับ 4 ธวัชชัย หกพนา ทำเวลาได้ 2.36.32 ชั่วโมง
มาราธอนหญิง ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก เยชิมเบ็ต ทาโช จากเอธิโอเปีย 2.44.18 ชั่วโมง อันดับ 2 อเล็กซานดรา โมโรโซวา จากรัสเซีย 2.44.17 ชั่วโมง อันดับ 3 มาร์ต้า บิเรฮาน จาก เอธิโอเปีย 2.53.56 ชั่วโมง ส่วน “ปลา” ลินดา อินทะชิต เข้าเส้นชัยเป็นที่ 4 ได้แชมป์คนไทยอีกสมัยเป็นสมัยที่ 6 และ เป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน ทำเวลาได้ 3.01.50 ชั่วโมง ที่ 5 ช่อทิพย์ กันอ่วม 3.14.54 ชั่วโมง เป็นคนไทยที่เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2
ด้าน สัญชัย นามเขต เปิดเผยถึงอาการตะคริวที่ขาข้างขวา ทำให้เจ็บ แต่ก็สามารถทำตามเป้าหมายที่ีตั้งใจไว้ คว้าแชมป์คนไทย 6 สมัยซ้อน ได้รับถ้วยพระราชทาน “ยอมรับว่าสถิติที่ทำได้ก็ดี ตามมาตรฐานที่เคยวิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงหลัง ผมเดินประคองตัวเองมาเข้าเส้นชัย ระยะ 2 กม.สุดท้ายกัดฟันแล้วครับ วิ่งไม่ไหว และยอมเดินดีกว่า ตอนวิ่งผ่านอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ผมอธิษฐานขอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขอให้ถึงเส้นชัย เพราะกลัวว่าร่างกายจะไม่ไหว ขาเป็นตะคริว จนคิดว่าจะไม่ได้แชมป์แล้ว”
ส่วน ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) ชาย ที่ 1 ฟีอากาดา เทสเฟย์ จากเอธิโอเปีย 1.09.07 ชั่วโมง ส่วนที่ 2 พงษ์สิทธิ์ ชินพะวอ 1.14.52 ชั่วโมง และที่ 3 ชุติเดช ถนอมทรัพย์ 1.15.08 ชั่วโมง
ฮาล์ฟมาราธอนหญิง ที่ 1 ลดแก้ว อินทะกุมมาน (ลาว) 1.20.29 ชั่วโมง ที่ 2 “ครูขม” อรอนงค์ วงศร เป็นหญิงไทยที่เข้าเส้นชัยคนแรกด้วยเวลา 1.22.36 ชั่วโมง และที่ 3 วิสุดา อ่อนโส 1.31.39 ชั่วโมง
ผลมินิมาราธอน (10 กม.) แชมป์ฝ่ายชาย พงศกร สุขสวัสดิ์ 32.15 นาที ที่ 2 วิชยา แซ่จาง 33.14 นาที ,ที่ 3 พอล ดันน์ จากอังกฤษ 33.15 นาที , ฝ่ายหญิง ที่ 1 ณัฐปภัสร์ ศรีขำกูล ทำเวลาได้ 38.25 นาที ,ที่ 2 ปารียา สนเสริม 38.24 นาที ที่ 3 ไอศิกา แก้วยงกฎ 39.31 นาที
สำหรับงาน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สร้างปรากฎการณ์อีกครั้ง โดยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ไม่นำเงินมหาศาลไปทุ่มให้กับการเชิญนักวิ่งอีลิทต่างชาติ เพื่อให้บุรีรัมย์มาราธอนได้ไประดับ แพลทตินัม แต่นำเงินเหล่านั้นกลับมามุ่งมั่นสร้าง “สวรรค์ของนักวิ่ง”อย่างแท้จริง มีรางวัลพิเศษให้กับนักวิ่งมากมาย
โดยจัดบนมาตรฐานสูงสุดของ World Athletics Road Race Label เช่นเดิม ซึ่งนักวิ่งสามารถนำสถิติไปควอลิฟายในงานวิ่งต่างๆทั่วโลกได้ มุ่งเน้นการพัฒนา สนามบุรีรัมย์มาราธอนและวงการวิ่งไทย สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้นักวิ่งไทยได้ต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับโลกมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยในปีนี้มีนักวิ่งกว่า 32,000 คน อาสาสมัคร 7,000 คน ผู้ติดตามและกองเชียร์มากกว่า 65,000 คน รวมผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นนับแสนคน