ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ได้นั่งประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่ หลังจาก สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม คู่แข่ง นำทีมวอล์กเอาท์
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ณ บ้านอัมพวัน นายธรรมนูญ หวั่งหลี รักษาการประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 โดยมีวาระสำคัญคือ การเลือกตั้งประธานและกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ชุดใหม่ วาระปี 2568-2572 ต่อจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่หมดวาระ
ในที่ประชุม พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้เสนอชื่อ ศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน เป็นประธานในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการนำเสนอชื่อของคนที่จะได้โหวตนั้น นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิส หนึ่งในแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยฯ ได้นำทีมวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม เนื่องจากไม่พอใจในที่มาของนักกีฬาโอลิมปิกที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ที่ประชุมยังดำเนินการต่อ เนื่องจากมีองค์ประชุมยังคงเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งนักกีฬา 2 คนที่ได้โหวตคือ เทวินทร์ หาญปราบ กับ ธันยพร พฤกษากร
ก่อนที่ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโด จะได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย คนที่ 8 ด้วยคะแนน 38 เสียง
ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กล่าวว่า ขอขอบคุณสมาคมต่างๆที่ให้ความไว้วางใจเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยคนใหม่ ที่ผ่านมา 6-7 เดือนทีมงานพรรคพวกก็ช่วยกันหาเสียงทั้งกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ ซึ่งมีความคิดคล้ายๆกัน ว่าจะต้องขับเคลื่อนองค์กรนี้ยังไง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับวงการกีฬาสูงที่สุด โดยมี ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ที่เป็นกำลังสำคัญที่นัดมาพูดคุยของหลายๆ สมาคม ส่วน ธนา ไชยประสิทธิ์ ก็จะมาเป็นเลขาธิการคนใหม่
จากนี้ไปการทำงานของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยจะเป็นเชิงรุก ซึ่งจะไม่เป็นแบบนายทะเบียนเหมือนสมัยก่อน และจะต้องช่วยเหลือสมาคมต่างๆ ส่วนเรื่องเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาที่ได้เป็นนโยบายนั้น ก็จะต้องเสนอการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยจะต้องคุยกับ สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงเงินรางวัลซีเกมส์
แต่ที่ขาดไม่ได้คือการช่วยสมาคมแก้ปัญหาเงินฝืด ในกรณีที่อนุมัติแล้วแต่ยังไม่ได้สักที เช่น อนุมัติวันนี้ แต่รอเงินอีก 4 เดือน ซึ่งสิ่งพวกนี้เป็นสิ่งทีาจะต้องแก้ไข”
ผศ.พิมล ยังยืนยันว่า จะไม่เป็นรอยร้าวอย่างแน่นอนเพราะเราก็เป็นคนกีฬาทั้งสิ้น มีรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย แล้วเราก็จะต้องดูแลขับเคลื่อนช่วยเหลือทุกๆสมาคมอยู่แล้ว ซึ่งสุดท้ายความสำเร็จไม่ว่าจะเหรียญต่างๆ ของซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และ โอลิมปิก มันก็คือหน้าตาของประเทศไทย