เมสัน กรีนวูด ถูกแจ้งข้อหาพยายามข่มขืน, ทำร้ายร่างกาย และ บังคับขู่เข็ญจิตใจแฟนสาวของตนเอง โดย กรีนวูด ได้รับสารภาพว่า คนในคลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเขาจริง และ ขอสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
โดยคดีนี้ยังไม่ได้ถูกตัดสินจนจบกระบวนการจากระบบยุติธรรม แล้วตัวของเขายังจะต้องไปขึ้นศาลอีกครั้งในปลายปีนี้
แต่ในทางสังคม และ สถานะอาชีพ ดาวรุ่งแห่งทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับผลของการกระทำนั้นไปแล้ว
สโมสรได้ลงโทษทางวินัยด้วยการไม่อนุญาตให้เข้าร่วมกับทุกๆ กิจกรรม แม้แต่เข้ามาที่สโมสรก็ยังทำไม่ได้ แต่ยังต้องจ่ายเงินเดือนให้ตามสัญญาทุกบาททุกสตางค์
สปอนเซอร์ส่วนตัวรายใหญ่เพิกถอน และ ยกเลิกสัญญาทันที เพราะมีข้อกำหนดเรื่องภาพลักษณ์เอาไว้
สังคมภายนอกรุมประณาม เพราะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมาะสมกับคำว่า “นักกีฬาอาชีพ“
ในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล มีหลายครั้งที่ผู้เล่นฝีเท้าดีได้รับบทลงโทษนานเกิน 2 ปี แล้วไม่สามารถกลับมาลงเล่นด้วยฟอร์มที่ดีแบบเดิมได้เพราะสาเหตุจากการร้างสนามแข่งไปนานจนขาดพัฒนาการ
เมสัน กรีนวูด ก็อาจจะเหมือนกับนักร้องดังรายหนึ่งของบ้านเรา ที่เขาถูกกล่าวหาว่าทำผู้หญิงตั้งท้องโดยไม่รับผิดชอบ
ต้นสังกัดของนักร้องรายดังกล่าวได้ลงโทษด้วยการพักงานแบบไม่มีกำหนดไปจนกว่าเรื่องจริงจะปรากฏออกมา
จากซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของค่ายที่สามารถสร้างรายได้ให้ค่าย และ ตนเอง ได้นับร้อยล้านบาท ชื่อของเขาค่อยๆ หายไปจากสารบบของวงการ
สุดท้ายแม้ว่าเจ้าตัวจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ในเวลาต่อมา แต่วันเวลาที่รุ่งโรจน์ของเจ้าตัวได้ผ่านไปแล้ว คลื่นลูกใหม่ๆ ซัดเขาให้กลายเป็นเพียงคนที่เคยดัง และ ไม่สามารถกลับมาอยู่ในจุดเดิมได้อีกเลย
เรื่องของทั้งคู่อาจจะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เพราะคนหนึ่งกระทำความผิดจนถูกดำเนินคดี ส่วนอีกคนเพียงแค่ถูกกล่าวหา
แต่สิ่งที่ทั้งคู่ได้รับเหมือนกันก็คือ ถูกลงโทษจากนายจ้างทันที กับ ยืนหยัดต่อสู้โดยไม่หนีหายไปไหน และ ทั้งคู่ไม่มีผู้ใหญ่คอยหาคนมาสวมรอย หรือ พาหนี
ที่สำคัญก็คือ ในขณะที่กำลังเป็นเรื่องเป็นราวนั้น ทั้งสองคนต้องใช้เวลาต่อสู้จนกว่าจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้ โดยเฉพาะฝ่ายนักร้องดังที่ต้องสู้ทั้งที่ไม่ได้เป็นคดีความ
สำหรับ เมสัน กรีนวูด แทบไม่มีความเห็นอกเห็นใจไปในลักษณะให้โอกาสเด็กมันสักหน่อย ให้เด็กมันได้ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว และ หาเงินไปรับผิดชอบผู้เสียหาย
ซึ่งต่างไปจากบางคดีความของประเทศบางประเทศ ที่ปรากฏข่าวมากมายว่า ผู้ก่อเหตุอันทำให้มีคนถึงแก่ชีวิตสามารถลอยนวลได้แบบต่างกรรมต่างวาระ
บางคนได้รับโอกาสจากสมาคมทีมชาติ ในขณะที่คดียังไม่สิ้นสุด และ ยังไม่ปรากฎว่า ขอรับผิดชอบผู้เสียชีวิตตามที่สมควรต้องกระทำ
บางคนได้รับโอกาสจากนายจ้างให้กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง หลังจากทำให้มีคนเสียชีวิตยังไม่ถึงครึ่งปี
บางคนได้ไปใช้ชีวิตหรูหราประสาลูกหลานอัครมหาเศรษฐีที่ต่างประเทศเพื่อรอเวลาหมดอายุความ โดยที่ไม่ยอมเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
บางคนทำให้ครอบครัวแทบสิ้นเนื้อประดาตัวจากการต่อสู้คดีมานานนับสิบปี จนสร้างรอยแผลทางใจให้กับทั้งผู้เสียหาย และ ตนเอง
บางคนแสดงความรับผิดชอบอย่างมีเกียรติ ทั้งยอมรับข้อกล่าวหา ยอมรับโทษ ยืดอกรับผิดชอบครอบครัวผู้เสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท และ ได้รับโทษรอลงอาญา
บางคนยอมรับผิด ขอรับผิดชอบ และ ถูกสั่งจำคุก
แน่นอนว่า อุบัติเหตุทุกครั้ง ผู้ก่อเหตุล้วนไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องทั้ง 100% เพียงแต่สาเหตุของความเสียหายมาจากความคึกคะนอง, ความไม่รับผิดชอบต่อสังคม และ ขาดสติสัมปชัญญะจากพิษของสิ่งที่เสพเข้าไป
แทบทุกคดีแบบนี้มักจะเริ่มต้นขัอหาด้วยคำว่า ขับรถโดยประมาท ขับรถในขณะมึนเมา แต่เกือบจะทุกคดีแทบไม่มีว่า เจตนาฆ่าโดยเล็งผลเอาไว้
จึงมักจะมีลักษณะของความคิดเห็นที่ส่อไปในทางเห็นอกเห็นใจผู้ก่อเหตุ โดยมองว่า อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ และ ไม่มีใครอยากจะให้เกิดเหตุขึ้น
หลายครั้ง หลายคดี ศาลท่านจึงมีการตัดสินตามเหตุที่เกิด ตามความรับผิดชอบ และ ตามประวัติของผู้ก่อ อันส่งผลให้การตัดสินคดีออกมาแตกต่างกันไป
แต่ก็มีบางครั้ง บางคดี ที่ผู้ก่อเหตุลอยนวลไปตามความสามารถ หรือ อำนาจรอบตัวของคนเหล่านั้น
เมสัน กรีนวูด ไม่ได้เมาแล้วขับ และ ไม่ได้ทำให้ใครตาย แถมยังไม่ได้ถูกตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม
แต่สิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้น สามารถทำให้ผู้เสียหายตายทั้งเป็น จากบาดแผลทั้งทายกาย และ จิตใจ
และ โดยสถานะความเป็นนักกีฬาอาชีพของสโมสรอาชีพระดับโลก ผู้บริหารจึงสนใจภาพลักษณ์ และ ต้องการปกป้องเกียรติภูมิขององค์กรเอาไว้
เหมือนกับเช่นคดีของผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่ถูกดำเนินคดีไป 7 ข้อหาหนักๆ จนถูกสโมสรพักงานแบบไร้กำหนดจนใกล้จะหมดสัญญาในกลางปีนี้
แต่ปรากฏว่าในศาลชั้นต้น คณะลูกขุนให้ความเห็นว่ายังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอจนสามารถออกความเห็นได้ว่า ผู้ต้องหาทำความผิดจริง และ ดูเหมือนว่าทิศทางที่เขาจะรอดนั้นมีมาก
ซึ่งต่างไปจากคดีเมาแล้วขับของ โทนี อดัมส์, คดีไม่ยอมจ่ายใบสั่งของ เอียน ไรท์, คดีทำร้ายร่างกายนอกสนามของ โจอี บาร์ตัน, คดีทำร้ายคู่แข่งในสนามฟุตบอลของ ดันแคน เฟอร์กูสัน, คดีปลอมแปลงเอกสารของ โรนัลดินโญ หรือ คดีล่วงละเมิดทางเพศของ อดัม จอห์นสัน ที่ทุกเคสจบลงที่การนอนคุกต่างกรรมต่างวาระกันไป
แต่ก็จะมีบางคดีที่ผลลัพธ์แตกต่างออกไป เช่น การหนีคดีรุมโทรมในอิตาลีโดยหลบอยู่ที่บ้านเกิดของ โรบินโญ หรือ คดีแห่งศตวรรษของ โอเจ ซิมพ์สัน ที่ผ่านมาเกือบ 30 ปี จนถึงทุกวันนี้ยังหาคนผิดที่แท้จริงไม่ได้
เราจึงไม่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า กฏหมายประเทศที่พัฒนาแล้วเข้มแข็งกว่าประเทศพัฒนาน้อย แต่ที่แน่ๆ การมีทนายเก่ง, คอนเนกชันดี และ ร่ำรวย ส่งผลต่อรูปคดีได้เหมือนกันเกือบทุกประเทศ
รวมทั้งยังต้องพิจารณากันต่อไปว่า ผู้ที่ยังไม่ถูกกระบวนการยุติธรรมตัดสิน ย่อมต้องเรียกว่าผู้ยังบริสุทธิ์ แม้ว่าเราจะทราบดีว่าพวกเขาได้กระทำผิดจริง
ดังนั้น การด่วนตัดสินจากสังคม หรือ ตัดสินจากนายจ้าง มันเป็นความอยุติธรรมต่อเขาหรือไม่ หรือ เป็นการดีแล้วที่กฎทางสังคมจะต้องเป็นกฎแรกที่ถูกใช้ในการลงโทษ
หรือ การเป็นตัวแทนของชาติ ย่อมต้องใช้หลักเกณฑ์ทางจริยธรรมเข้ามาใช้ในการพิจารณาร่วมด้วย แม้ว่าเขาคนนั้นจะยังไม่ได้รับการตัดสินจากระบวนการยุติธรรมก็ตาม