Link Copied!

เมื่อพ่อแม่ไม่รังแก ‘เมสัน’

เมสัน กรีนวูด ถูกแจ้งข้อหาพยายาม​ข่มขืน, ทำร้ายร่างกาย และ บังคับขู่เข็ญ​จิตใจแฟนสาวของตนเอง โดย กรีนวูด ได้รับสารภาพ​ว่า คนในคลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเขาจริง และ ขอสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมาย​

โดยคดีนี้ยังไม่ได้ถูกตัดสินจนจบกระบวนการ​จากระบบยุติธรรม​ แล้วตัวของเขายังจะต้องไปขึ้นศาลอีกครั้งในปลายปีนี้

แต่ในทางสังคม และ สถานะอาชีพ ดาวรุ่งแห่งทีม แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ ได้รับผลของการกระทำนั้นไปแล้ว

สโมสรได้ลงโทษทางวินัยด้วยการไม่อนุญาต​ให้​เข้าร่วมกับทุกๆ กิจกรรม แม้แต่เข้ามาที่สโมสรก็ยังทำไม่ได้ แต่ยังต้องจ่ายเงินเดือนให้ตามสัญญา​ทุกบาททุกสตางค์​

สปอนเซอร์ส่วนตัว​รายใหญ่เพิกถอน และ ยกเลิก​สัญญาทันที เพราะมีข้อกำหนดเรื่องภาพลักษณ์​เอาไว้

สังคมภายนอกรุมประณาม เพราะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้น​ไม่เหมาะสมกับคำว่า “นักกีฬา​อาชีพ​“

ในเส้นทางอาชีพ​นักฟุตบอล​ มีหลายครั้งที่ผู้เล่นฝีเท้าดีได้รับบทลงโทษ​นานเกิน 2 ปี แล้วไม่สามารถกลับมาลงเล่นด้วยฟอร์ม​ที่ดีแบบเดิมได้เพราะสาเหตุ​จากการร้างสนามแข่งไปนานจนขาดพัฒนา​การ

เมสัน กรีนวูด ก็อาจจะเหมือนกับนักร้องดังรายหนึ่งของบ้านเรา ที่เขาถูกกล่าวหาว่าทำผู้หญิงตั้งท้องโดยไม่รับผิดชอบ

ต้นสังกัดของนักร้องรายดังกล่าวได้ลงโทษด้วยการพักงานแบบไม่มีกำหนดไปจนกว่าเรื่องจริงจะปรากฏ​ออกมา

จากซูเปอร์​สตาร์อันดับหนึ่งของค่ายที่สามารถสร้างรายได้ให้ค่าย และ ตนเอง ได้นับร้อยล้านบาท ชื่อของเขาค่อยๆ หายไปจากสารบบของวงการ

สุดท้ายแม้ว่าเจ้าตัวจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์​ในเวลาต่อมา แต่วันเวลาที่รุ่งโรจน์​ของเจ้าตัวได้ผ่านไปแล้ว คลื่นลูกใหม่ๆ ซัดเขาให้กลายเป็นเพียงคนที่เคยดัง และ ไม่สามารถกลับมาอยู่ในจุดเดิมได้อีกเลย

เรื่องของทั้งคู่​อาจจะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เพราะคนหนึ่งกระทำความผิดจนถูกดำเนินคดี ส่วนอีกคนเพียงแค่ถูกกล่าวหา

แต่สิ่งที่ทั้งคู่ได้รับเหมือนกันก็คือ ถูกลงโทษจากนายจ้างทันที กับ ยืนหยัดต่อสู้โดยไม่หนีหายไปไหน และ ทั้งคู่ไม่มีผู้ใหญ่คอยหาคนมาสวมรอย หรือ พาหนี 

ที่สำคั​ญก็คือ ในขณะที่​กำลังเป็นเรื่องเป็นราวนั้น ทั้งสองคนต้องใช้เวลาต่อสู้จนกว่าจะยืนยันความบริสุทธิ์​ของตนเองได้ โดยเฉพาะ​ฝ่ายนักร้องดังที่ต้องสู้ทั้งที่ไม่ได้เป็นคดีความ

สำหรับ เมสัน กรีนวูด แทบไม่มีความเห็นอกเห็นใจ​ไปในลักษณะ​ให้โอกาสเด็กมันสักหน่อย ให้เด็กมันได้ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว​ และ หาเงินไปรับผิดชอบผู้เสียหาย

ซึ่งต่างไปจากบางคดีความ​ของประเทศ​บางประเทศ ที่ปรากฏ​ข่าวมากมายว่า ผู้ก่อเหตุ​อันทำให้มีคนถึงแก่ชีวิตสามารถลอยนวลได้แบบต่างกรรมต่างวาระ

บางคนได้รับโอกาสจากสมาคมทีมชาติ ในขณะที่​คดียังไม่สิ้นสุด และ ยังไม่ปรากฎ​ว่า ขอรับผิดชอบผู้เสียชีวิตตามที่สมควรต้องกระทำ

บางคนได้รับโอกาสจากนายจ้างให้กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง หลังจากทำให้มีคนเสียชีวิตยังไม่ถึงครึ่งปี 

บางคนได้ไปใช้ชีวิตหรูหราประสาลูกหลานอัครมหาเศรษฐี​ที่ต่างประเทศ​เพื่อรอเวลาหมดอายุความ โดยที่ไม่ยอมเดินเข้าสู่กระบวนการ​ยุติธรรม​

บางคนทำให้ครอบครัว​แทบสิ้นเนื้อประดาตัวจากการต่อสู้คดีมานานนับสิบปี จนสร้างรอยแผลทางใจให้กับทั้งผู้เสียหาย และ ตนเอง

บางคนแสดงความรับผิดชอบอย่างมีเกียรติ​ ทั้งยอมรับข้อกล่าวหา ยอมรับโทษ ยืดอกรับผิดชอบครอบครัว​ผู้เสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท และ ได้รับโทษรอลงอาญา​

บางคนยอมรับผิด ขอรับผิดชอบ และ ถูกสั่งจำคุก

แน่นอนว่า อุบัติเหตุ​ทุกครั้ง ผู้ก่อเหตุ​ล้วนไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องทั้ง 100% เพียงแต่สาเหตุ​ของความเสียหายมาจากความคึกคะนอง, ความไม่รับผิดชอบต่อสังคม และ ขาดสติสัมปชัญญะ​จากพิษ​ของสิ่งที่เสพเข้าไป

แทบทุกคดีแบบนี้มักจะเริ่มต้นขัอหาด้วยคำว่า ขับรถโดยประมาท ขับรถในขณะมึนเมา แต่เกือบจะทุกคดีแทบไม่มีว่า เจตนาฆ่าโดยเล็งผลเอาไว้

จึงมักจะมีลักษณะ​ของความคิดเห็น​ที่ส่อไปในทางเห็นอกเห็นใจ​ผู้ก่อเหตุ โดยมองว่า อุบัติเหตุ​สามารถเกิดขึ้นได้ และ ไม่มีใครอยากจะให้เกิดเหตุ​ขึ้น

หลายครั้ง หลายคดี ศาลท่านจึงมีการตัดสินตามเหตุที่เกิด ตามความรับผิดชอบ และ ตามประวัติของผู้ก่อ อันส่งผลให้การตัดสินคดีออกมาแตกต่าง​กัน​ไป​

แต่ก็มีบางครั้ง บางคดี ที่ผู้ก่อเหตุ​ลอยนวลไปตามความสามารถ หรือ อำนาจรอบตัวของคนเหล่านั้น

เมสัน กรีนวูด ไม่ได้เมาแล้วขับ และ ไม่ได้ทำให้ใครตาย​ แถมยังไม่ได้ถูกตัดสินจากกระบวนการ​ยุติธรรม​

แต่สิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้น สามารถทำให้ผู้เสียหายตายทั้งเป็น จากบาดแผลทั้งทายกาย และ จิตใจ

และ โดยสถานะความเป็นนักกีฬาอาชีพของสโมสรอาชีพระดับ​โลก ผู้บริหาร​จึงสนใจภาพลักษณ์​ และ ต้องการปกป้องเกียรติภูมิ​ขององค์กรเอาไว้

เหมือนกับเช่นคดีของผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์​  ซิตี ที่ถูกดำเนินคดีไป 7 ข้อหาหนักๆ จนถูกสโมสรพักงานแบบไร้กำหนดจนใกล้จะหมดสัญญา​ในกลางปีนี้

แต่ปรากฏ​ว่าในศาลชั้นต้น คณะลูกขุนให้ความเห็นว่ายังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอจนสามารถออกความเห็นได้ว่า ผู้ต้องหาทำความผิดจริง และ ดูเหมือนว่าทิศทางที่เขาจะรอดนั้นมีมาก

ซึ่งต่างไปจากคดีเมาแล้วขับของ โทนี อดัมส์, คดีไม่ยอมจ่ายใบสั่งของ เอียน ไรท์, คดีทำร้ายร่างกายนอกสนามของ โจอี บาร์ตัน, คดีทำร้ายคู่แข่งในสนามฟุตบอล​ของ ดันแคน เฟอร์​กูสัน, คดีปลอมแปลง​เอกสารของ โรนัลดินโญ หรือ คดีล่วงละเมิด​ทางเพศ​ของ อดัม จอห์น​สัน ที่ทุกเคสจบลงที่การนอนคุกต่างกรรมต่างวาระกันไป

แต่ก็จะมีบางคดีที่ผลลัพธ์​แตกต่างออกไป เช่น การหนีคดีรุมโทรมในอิตาลีโดยหลบอยู่ที่บ้านเกิดของ โรบินโญ หรือ คดีแห่งศตวรรษ​ของ โอเจ ซิมพ์สัน ที่ผ่านมาเกือบ 30 ปี จนถึงทุกวันนี้ยังหาคนผิดที่แท้จริงไม่ได้

เราจึงไม่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า กฏหมายประเทศ​ที่พัฒนา​แล้วเข้มแข็ง​กว่าประเทศ​พัฒนาน้อย แต่ที่แน่ๆ การมีทนายเก่ง, คอนเนกชันดี และ ร่ำรวย ส่งผลต่อรูปคดีได้เหมือนกันเกือบทุกประเทศ​

รวมทั้งยังต้องพิจารณา​กันต่อไปว่า ผู้ที่ยังไม่ถูกกระบวนการยุติ​ธรรม​ตัดสิน ย่อมต้องเรียกว่าผู้ยังบริสุทธิ์​ แม้ว่าเราจะทราบดีว่าพวกเขาได้กระทำผิดจริง

ดังนั้น การด่วนตัดสินจากสังคม หรือ ตัดสินจากนายจ้าง มันเป็นความอยุติธรรม​ต่อเขาหรือไม่ หรือ เป็นการดีแล้วที่กฎทางสังคมจะต้องเป็นกฎแรกที่ถูกใช้ในการลงโทษ

หรือ การเป็นตัวแทนของชาติ ย่อมต้องใช้หลักเกณฑ์​ทางจริยธรรม​เข้ามาใช้ในการพิจารณา​ร่วมด้วย แม้ว่าเขาคนนั้นจะยังไม่ได้รับการตัดสินจากระบวนการ​ยุติธรรม​ก็ตาม

Total
0
Shares