สถานการณ์ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บนเวที ไทยลีก 1 ณ เวลานี้ รั้งอันดับที่ 9 ของตาราง จากการลงเตะ 24 นัด ชนะ 8 เสมอ 5 แพ้ 11 มี 29 คะแนน อยู่เหนือโซนตกชั้นแค่ 5 แต้มเท่านั้น
หลายคนบอกว่า ระดับ “บีจี” คงไม่ตกชั้นง่าย ๆ ด้วยขุมกำลัง น่าจะเอาตัวรอดได้
แต่ This is Football “อะไรก็เกิดขึ้นได้”
ย้อนกลับไป ผ่าน 10 เกมแรก คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า “เดอะ แรบบิท” จะตัดสินใจแยกทางกับ “มาโกโตะ เทกุระโมริ” จนกลายเป็น “กุนซือคนแรก” บทเวที ไทยลีก 1 ที่ถูกปลด
จากวันนั้น บีจี ตัดสินใจเลือก แมตต์ สมิธ กุนซือที่มี DNA ของสโมสรอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม เพราะเคยเป็นอดีตกองหลังกัปตันทีมที่มีบุคลิกดุดัน เต็มไปด้วยแรงกระหาย รู้ซึ้งถึงวัฒนธรรมองค์กร ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวมากนัก
นอกจากนี้ การแต่งตั้งกุนซือที่มี DNA ของสโมสร ยังเป็นการลดความกดดันจากแฟนบอล เพราะหากสถานการณ์ของทีมไม่ดี การมีอดีตนักเตะขวัญใจคุมทีม ก็ยังพอจะทำให้แฟนบอลหนุนหลังและให้กำลังใจทีมเสมอ
แต่มันก็ไม่ใช่ทุกครั้งไป เสียงโห่จากแฟนบอลเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยผลงานแพ้ 3 จาก 4 หลังสุดในลีกที่ไม่ชนะใคร รวมทั้งตกรอบบอลถ้วย เอฟเอ คัพ คาบ้าน ทำให้ บีจี ตัดสินใจปลด กุนซือชาวออสซี ไปนั่งตำแหน่งประธานเทคนิค แล้วแต่งตั้งอีกหนึ่งกุนซือ DNA ของทีมอย่าง ศุภชัย คมศิลป์ เข้ามาแทน
โดย “โค้ชบอย” จะประเดิมคุมทัพในฐานะกุนซือใหญ่เต็มตัวเกมแรกไปเยือน “รถม้ามรกต” ลำปาง เอฟซี ทีมอันดับสุดท้าย ที่กำลังดิ้นรนหนีตายสุดชีวิต ในเย็นวันจันทร์นี้ (3 มี.ค.) เริ่มคิกออฟเวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดทาง AIS PLAY
อย่างที่บอก ขุมกำลัง “เดอะ แรบบิท” ดีเกินไปที่จะร่วงหล่นไปเล่นในลีกพระรอง แม้สภาพทีมเกมนี้จะยังไม่มี ฉัตรมงคล ทองคีรี กับ อิคซาน ฟานดี ที่บาดเจ็บ แต่ตัวหลักที่เหลือต่างพร้อมลุย นำโดย อันเดรส ตูเนซ, อิรฟาน ฟานดี, เชาว์วัตน์ วีระชาติ, สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ ธีรศิลป์ แดงดา
ทว่าตอนนี้ แต่ละนัดมันคงไม่ง่าย ยิ่งในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ทุกทีมที่เผชิญหน้ากับ บีจี ต่างหวังถึงชัยชนะกันทั้งนั้น เพราะรู้ว่า “เจ้าสัวคลอง 3” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
กับ 6 นัดสุดท้าย เป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย “โค้ชบอย” จึงกลายเป็นความหวังหมู่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับแฟนบอล ขอแค่ประคับประคองให้ “เดอะ แรบบิท” แคล้วคลาดปลอดภัยในฤดูกาลนี้ ก็เพียงพอแล้ว