แข้งพรสวรรค์ตุรกีจรัสแสงกับ เฟเนร์บาห์เช ในฤดูกาล 2022-23 นำไปสู่การย้ายเข้ารัง เบร์เนเบว
ดาวรุ่งวัยเพียง 18 ปี ตกเป็นเป้าหมายล่าตัวในช่วงซัมเมอร์ แต่สุดท้ายกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่ชิงตัดหน้าหลายทีมไปได้
เพลย์เมกเกอร์ถนัดซ้ายคือขุนพลคนสำคัญของ
เฟเนร์บาห์เช ครองสถิติสร้างสรรค์เกมอันดับท็อปของทีมทั้ง แอสซิสต์, สร้างโอกาส, เลี้ยงบอลสำเร็จ และอีกมากมาย พร้อมคว้าแชมป์เตอร์กิช คัพ พ่วงด้วยแมนออฟเดอะแมทช์รอบชิงชนะเลิศ
เห็นได้ชัดว่า กูเลร์ มีศักยภาพที่จะขึ้นมาเป็นดาวเตะแห่งยุคด้วยสเตปเท้ารวดเร็ว, จ่ายบอลคมและฉลาดเกินวัย เล่นได้ทั้งตัวรุกตรงกลางและปีก โดยเฉพาะฝั่งขวาที่ คาร์โล อันเชล็อตติ อาจใช้งานภายใต้ระบบ 4-3-3
และนี่คือ 5 สิ่งควรรู้เกี่ยวกับนิววันเดอร์คิดของ เรอัล มาดริด
1.แข้งจากกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี
กูเลร์ พัฒนาฝีเท้าในบ้านเกิดที่เมืองหลวงของตุรกี เมืองใหญ่อันดับสองรองจากนครอิสตันบูล เริ่มเล่นอคาเดมีในวัย 9 ขวบกับสโมสร เกนเคลร์บิร์ลิจี ฉายแววเข้าตาแมวมองจากอิสตันบูลทันที โดยในปี 2019 ก่อนอายุครบ 14 ปี ได้ย้ายไปร่วมทัพ เฟเนร์บาห์เช โชว์ฟอร์มโดดเด่นทันทีกับทีมรุ่นยู 19 ก่อนได้โอกาสประเดิมทีมชุดใหญ่ขณะมีอายุเพียง 16 ปี 174 วันในศึก ยูโรปาลีก รอบคัดเลือก
2.แข้งอายุน้อยสุดทำประตูได้ในนามทีมชาติตุรกีชุดใหญ่
กูเลร์ ใช้เวลาไม่นานก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ เวลานี้ลงเล่นไปแล้ว 4 นัดและประเดิมประตูแรกในศึกยูโร 2024 ในเกมกับ เวลส์ เมื่อเดือนมีนาคม ทำให้ กูเลร์ เป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูในทีมชาติตรุกีชุดใหญ่ในวัยเพียง 18 ปี 114 วัน
3.ความท้าทายสืบทอดตำนาน โอซิล
หนึ่งในผู้เล่นที่ กูเลร์ ถูกนำไปเปรียบเทียบคือ เมซุต โอซิล และได้เรียนรู้ประสบการณ์จากดาวเตะเยอรมันในข่วงมาค้าแข้งกับ เฟเนร์บาห์เช พร้อมสืบทอดหมายเลข 10 ได้อย่างไร้ที่ติ ภายหลังจาก โอซิล อำลาทีมไปในปี 2022
4.บิดาฝึกให้ถนัดเท้าซ้าย
กูเลร์ มีเท้าซ้ายที่มหัศจรรย์และสัมผัสบอลนุ่มนวล ต้องยกให้เครดิตคุณพ่อ อูมิต ที่เคี่ยวเข็ญบุตรชายเล่นเท้าซ้ายจนช่ำชอง เพราะในครอบครัวไม่มีใครถนัดเท้าซ้ายเลย
5.เซฟจุดโทษขณะเป็นบอลบอย
ย้อนไปสมัยอยู่อคาเดมีของ เกนเคลร์บิร์ลิจี ซึ่งเยาวชนต้องทำหน้าที่บอลบอยระหว่างเกมการแข่งขันของสโมสร โดยในปี 2018 ทีมชุดใหญ่มีคิวพบ แทรบซ็อนสปอร์ และเสียจุดโทษซึ่งขณะนั้น กูเลร์ วัย 12 ปีประจำการคอยเก็บบอลใกล้กับประตูฝั่งเจ้าถิ่นได้ตะโกนบอกทิศทางให้กับ โจฮานเนส ฮ็อป พุ่งไปทางขวาเซฟจุดโทษไว้ได้