สัญญาณฟุตบอลลีกเมืองไทยฤดูกาลใหม่ดังใกล้เข้ามาแล้ว โดยก่อนเปิดม่านอย่างเป็นทางการ จะมีศึกแห่งศักดิ์ศรีมากระตุ้นต่อมความมันส์ “ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2022” ซึ่งปีนี้เป็นการดวลกันระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของทริปเปิลแชมป์ 3 ถ้วยเมเจอร์ พบกับรองแชมป์ไทยลีก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่พกดีกรีแชมป์เก่ารายการนี้ ในวันเสาร์ที่ 6 ส.ค. เวลา 18.00 น. ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา นับว่าเป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อ และยากจะคาดเดาว่าใครจะคว้าแชมป์ไปครอง?
ถ้วยแห่งศักดิ์ศรี
.
ปีนี้จะเป็นครั้งที่ 6 ในชื่อการแข่งขัน “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ” หลังจากจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2560 เพื่อแทนที่ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก. ที่ยุบไป เนื่องจากถ้วยพระราชทาน มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปใช้เป็นถ้วยรางวัลชนะเลิศ ไทยลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2559
.
รายการนี้เป็นการนำเอาแชมป์มาชนแชมป์ ระหว่าง แชมป์ไทยลีก ดวลกับ แชมป์เอฟเอคัพ โดยคู่แรกที่ประเดิมสนามในชื่อการแข่งขัน “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ” คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก ที่ถล่ม สุโขทัย เอฟซี ตัวแทนแชมป์เอฟเอคัพ ไป 5–0 ที่สนามศุภชลาศัย ส่วนคู่ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วคือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก เอาชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์เอฟเอคัพ ไปได้ 1–0 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
.
โดย 5 ครั้งที่ผ่านมา มีสโมสรไหนคว้าแชมป์รายการนี้ได้บ้างไปดูกัน
2017 เมืองทอง ยูไนเต็ด ชนะ สุโขทัย เอฟซี 5-0 ที่สนามศุภชลาศัย
2018 เชียงราย ยูไนเต็ด ชนะจุดโทษ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 8-7 (เสมอในเวลา 2-2) ที่สนามศุภชลาศัย
2019 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด 3-1 ที่สนามกีฬากองทัพบก
2020 เชียงราย ยูไนเต็ด ชนะ การท่าเรือ เอฟซี 2-0 ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม
2021 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-0 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
.
แต่ในปีนี้ เนื่องจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กวาดแชมป์ไปครองทั้ง ไทยลีก และ เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จึงทำให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด รองแชมป์ไทยลีก ได้สิทธิ์มาแข่งขันบนสังเวียน เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา ที่จัดขึ้นครั้งแรก โดย “ปราสาทสายฟ้า” ได้เข้าร่วมชิงชัยเป็นครั้งที่ 3 ในขณะที่ “เดอะ แรบบิท” เข้าร่วมเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมไม่เคยเจอกันมาก่อนในรายการนี้
.
บุรีรัมย์ ยังแกร่งทั่วแผ่น
.
แน่นอนว่าทีมของ “ลุงเน” ไม่มีเป้าหมายอย่างอื่น นอกจาก แชมป์ แชมป์ และก็แชมป์ อีกสมัยเท่านั้น หลังจากเสริมมาด้วย 2 แข้งที่ผ่านเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วอย่าง แฟรงค์ คาสตาเญด้า ดาวยิงโคลอมเบีย วัย 27 ปี ดีกรีดาวซัลโวลีกมอลโดวา และ โกรัน เคาซิซ มิดฟิลด์เซอร์เบีย วัย 30 ปี ที่เคยผ่านเวทีลาลีกากับ โอซาซูน่า มาแล้ว ขณะที่อีกรายคือ ลอนซาน่า ดุมบูญ่า หัวหอกชาวกินี วัย 31 ปี ซึ่งมีดีกรีดาวซัลโว ไทยลีก 2019 บวกกับของเดิมของดีที่มีอยู่อย่าง เรบิน ซูลาก้า และ โจนาธาน โบลิงกิ
.
ส่วนนักเตะไทย แม้จะปล่อยแข้งเก๋าอย่าง จักรพันธ์ แก้วพรม และ ปิยพล ผานิชกุล รวมถึง สุภโชค สารชาติ ไปเล่นที่เจลีก แต่ตัวหลักอย่าง พรรษา เหมวิบูลย์, ธีราทร บุญมาทัน, พีรดนย์ ฉำรัศมี, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, รัตนากร ใหม่คามิ, ศุภชัย ใจเด็ด และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า เมื่อบวกกับแท็คติกของ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือคนเก่งชาวญี่ปุ่น จึงทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” ยังคงถูกยกให้เป็นทีมเต็งในทุกรายการ
.
บีจี พร้อมทวงบัลลังก์
.
ดูจากการเสริมทัพ บวกกับเม็ดเงินที่ลงทุนไป จึงไม่มีเป้าหมายอื่นใด นอกจากการคว้าโทรฟี่แชมป์ไทยลีกกลับมาตั้งที่ รังสิต คลองสาม ให้ได้ หลังจากเสริมแข้งต่างชาติเข้ามาใหม่ถึง 4 รายคือ กาซิโอ ไซด์ แนวรับที่อิมพอร์ตเข้ามาจากลีกโปรตุเกส ส่วนที่เหลือถือเป็นของจริงเกรดเอที่พิสูจน์ฝีเท้าให้ได้เห็นมาแล้วทั้ง เปาโล คอนราโด้, ลิดอร์ โคเฮน และ เจสซี่ เคอร์เรน แถมยังมีของเก่าสุดแกร่งอย่าง อันเดรส ตูเนซ, อิรฟาน ฟานดี้ และ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้
.
ส่วนนักเตะไทยได้ปล่อยตัวเก๋าอย่าง สุมัญญา ปุริสาย ไปชลบุรี ขณะที่ เชาว์วัตน์ วีระชาติ ย้ายไปเล่นในเจลีก แต่ก็ได้ของดีขึ้นห้างอย่าง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล เข้ามาเสริมแกร่ง เมื่อบวกกับตัวเดิมที่มีอยู่อย่าง จักพัน ไพรสุวรรณ, สันติภาพ จันทร์หง่อม, สารัช อยู่เย็น, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และพี่ใหญ่ ธีรศิลป์ แดงดา เรียกได้ว่าค่อนข้างลงตัว
.
ที่สำคัญ นับตั้งแต่ บีจี เปลี่ยนมาสู่ยุคของ มาโกโตะ เทกุระโมริ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น U23 ชุดแชมป์เอเชีย สามารถพลิกโฉมการเล่นจนพาทัพ “เดอะ แรบบิท” จบในตำแหน่งรองแชมป์ไทยลีก รวมถึงเข้ารอบน็อคเอาท์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
.
ใครจะเป็นแชมป์?
.
นอกจากศักดิ์ศรีแล้ว ยังถือเป็นแมตช์ที่ทีมของ “ลุงเน” ต้องการถอนแค้น บีจี ให้หายค้างคาใจ หลังจากที่เจอกัน 5 นัดหลังสุด เป็น “เดอะ แรบบิท” ที่ชนะรวด โดย 4 จาก 5 นัด คือการชนะในลีกแบบไป-กลับ ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งหมด
.
ศึก “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2022” ครั้งนี้ “ปราสาทสายฟ้า” จะปิดบัญชีแค้น หรือ “เดอะ แรบบิท” จะย้ำชัย แฟนบอลร่วมลุ้นไปพร้อม ๆ กันว่าใครจะสมหวังได้ครองแชมป์แรกประเดิมฤดูกาลใหม่ โดย PPTV HD36 ถ่ายทอดสดวันเสาร์นี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป
.
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม