อดิศักดิ์ ไกรษร กับบทบาทในทีมชาติที่ได้ใจแฟนบอล ในวันที่ทีมชาติไทยเดินมาไกลจากคำว่าเล่นเกเร
ในวันที่ ธีราทร บุญมาทัน ต้องแบกรับบทบาทกัปตันทีมชาติไทยเอาไว้อย่างถาวร
รวมทั้ง ในวันที่ทีมชาติชุดแชมป์อาเซียนคัพ 2022 ไม่มีตัวจี๊ดคอยกางปีกปกป้องเพื่อน ๆ และ คอยข่มขวัญคู่แข่งที่มารยาทเกเร
อดิศักดิ์ จึงแจ้งเกิดให้ตัวเองได้ในบทบาทใหม่ที่ไม่ค่อยคุ้นตา
ก็อย่างที่ “กัปตันอุ้ม” ได้พูดเรื่องที่ว่า การไม่ยอมใช้ วีเออาร์ กับ การตั้งใจทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพ ที่เสมือนเป็นการตบหน้าฝ่ายจัดการแข่งขันสามฉาดนั่นแหล่ะ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะเป็นการเหนี่ยวรั้งพัฒนาการของฟุตบอลแห่งภูมิภาคนี้เอาไว้
บางครั้งมารยาทอันตุ๋มติ๋ม อ่อนช้อย ก้มหน้าก้มตาเล่น แล้วยอมรับทุกเหตุที่เกิด ย่อมไม่เพียงพอกับความล้าหลังของฟุตบอลบางรายการที่ผู้เล่นบางรายขาดซึ่งสามัญสำนึกแห่งวิชาชีพอย่างน่ากลัว
การแสดงบทบาทพร้อมปะทะของ เอเคไนน์ ที่เด่นชัดมาก ๆ ในเกมนัดชิงชนะเลิศทั้งที่ ฮานอย และ รังสิต จึงเป็นสิ่งที่มาถูกเวลา
การชี้หน้าผู้เล่นหมายเลข 3 ของเวียดนามในจังหวะออกมือใส่กัปตันอุ้มจากนัดแรก
การผลักหลังผู้เล่นหมายเลข 5 ของทีมชาติเวียดนามที่แสดงอาการกร่างตามสไตล์ และ การลุกขึ้นมาแบบไม่มีหวั่น หลังถูกเข้าบอลหนักจากด้านหลัง ด้วยการใช้แผ่นอกนำหน้า จ้องตา และ เอ่ยปากถามว่าจะเอาใช่ไหม อันเป็นหลักการแจ้งเตือนตามหลักสากลด้วยภาษากายในนัดที่สอง
จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ใจของเพื่อนร่วมทีมคึกคักขึ้นมา อันส่งผลทำให้ทีมเล่นด้วยความมั่นใจ และ ฮึกเหิมจนข่มคู่แข่งได้ในที่สุด
การแสดงความเข้มแข็ง ต่างจากการเล่นสกปรก หรือ จงใจทำร้ายคู่แข่งเพียงเพราะไม่มีกล้องมาคอยจับจ้อง ที่แม้จะดูว่าแอบมีความเกเรปะปนอยู่บ้าง แต่มันคือพื้นฐานของทุกกีฬาที่มีการปะทะกันในเกมอยู่แล้ว
บางทีของพวกนี้ควรพกติดทีมเอาไว้ในยามจำเป็น และ นำออกมาในสถานการณ์ที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน