แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือเอฟเวอร์ตัน เคยเป็นผู้เล่นของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เชลซี
ปาทริค วิเอรา กุนซือคริสตัล พาเลซ เคยเป็นผู้เล่นของ อาร์เซนอล
สเปอร์ส , เชลซี , เวสต์แฮม ยูไนเต็ด , อาร์เซนอล , คริสตัล พาเลซ คือ สโมสรที่อยู่ในกรุงลอนดอน จึงมีศักดิ์ศรีเป็นเพื่อนร่วมเมืองที่แพ้กันไม่ได้ จนถูกเรียกแมตช์ที่ต้องแข่งกันว่า ลอนดอนดาร์บีแมตช์
ไม่ว่าทีมเล็ก หรือ ทีมใหญ่ จะสู้กันได้แบบสูสี หรือ ห่างชั้นกัน แต่ขึ้นชื่อว่าดาร์บีแมตช์ จึงไม่มีใครยอมกันง่ายๆ แน่นอน
ทั้งสองกุนซือจึงยังคงมีร่องรอยอารยธรรมดาร์บีแมตช์อยู่ในดีเอ็นเอ
::
ในวาระปกติ ผู้เล่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน จะมีความเป็นคู่แข่งขันอยู่ในอารมณ์ร่วมอยู่แล้ว ซึ่ง ดาร์บีแมตช์ จะเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้นไปอีก
ขนาด แฟรงค์ แลมพาร์ด กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เคยเติบโตขึ้นมาด้วยกันจากอคาเดมีของเวสต์แฮม เมื่อต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปตามวิถีทางของผู้เล่นอาชีพ ยังมีร่องรอยความไม่ลงรอยกันอยู่ในใจของทั้งสองฝ่าย
แลมพาร์ด ย้ายไปเล่นให้ เชลซี
เฟอร์ดินานด์ ย้ายไปเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในช่วงยุค 2000s สองสโมสรคือคู่ปรับสามเส้าของวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยมี อาร์เซนอล ของ ปาทริค วิเอรา ร่วมแจมความยิ่งใหญ่อยู่ด้วย
เฟอร์ดินานด์ ยอมรับว่า แม้จะคุยกับ แลมพาร์ด ในยามร่วมเล่นทีมชาติได้ แต่ไม่มีความสนิทใจเหมือนในวัยเยาว์อีกต่อไป โดยมีความเป็นอริคู่ชิงแชมป์เป็นตัวการ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , เชลซี , อาร์เซนอล เป็นคู่ปรับชนิดยอมกันไม่ได้ จนกุนซือของพวกเขาก็ยังลงมาเล่นท่ามกลางความขัดแย้งนี้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อสงครามกับ อาร์แซน เวนเกอร์ มาตั้งแต่กลางยุค90s แล้วพอ โชเซ มูรินโญ มาขับเคลื่อนให้ เชลซี ขึ้นมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ขั้วอำนาจใหม่จึงถูกเล่นงานจากสองคู่ปรับเดิมทันที
::
แมตช์ชี้ชะตาของ เอฟเวอร์ตัน ว่าจะหนีจากการตกชั้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ คริสตัล พาเลซ ของ วิเอรา
ซึ่งนอกจากความจะแพ้กันไม่ได้ในฐานะกุนซือที่ย่อมมีอยู่แล้ว แต่การไม่ยอมกันในฐานะลอนดอนสีแดง และ ลอนดอนสีฟ้า ก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองกุนซือย่อมทราบกันดีอยู่ในใจ
ถ้า เอฟเวอร์ตัน แพ้ และ ตกชั้น วิเอรา ย่อมชนะทั้งในเกม และ ชนะในศักดิ์ศรีซึ่ง แลมพาร์ด จะไม่มีวันยอม
เพราะถ้า เอฟเวอร์ตัน ชนะ พวกเขาจะไม่ต้องไปสนใจแมตช์ต่อไปที่มี อาร์เซนอล ที่ยังพอมีโอกาสทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เป็นด่านสุดท้ายของฤดูกาล และ อาจจะสร้างความเจ็บปวดให้ปืนโตก็เป็นได้
เมื่อ เอฟเวอร์ตัน พลิกกลับมาชนะ พาเลซ 3-2 การวิ่งกรูลงไปฉลองของแฟนบอลบนสนามกูดิสัน ปาร์ค อย่างบ้าคลั่งจึงเกิดขึ้น
แล้วก็มีแฟนบอลบางคนวิ่งไปเจอ วิเอรา กลางทาง พวกเขาจึงแวะถ่ายรูปแบบเอากล้องจ่อหน้า พร้อมกับชูนิ้วกลางเหยียดหยาม จนถูก วิเอรา หวดด้วยแข้งขวาเข้าเต็มตัวเป็นการเอาคืน
แน่นอนว่าเรื่องนี้สมาคมฟุตบอลอังกฤษไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ๆ
วิเอรา ตอบคำถามนักข่าวว่า “ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ส่วน แลมพาร์ด กล่าวอย่างเข้าใจหัวอกเพื่อนร่วมอาชีพว่า “เข้าใจ” และ “ผมมองหาเขาหลังแฟนบอลวิ่งลงมา เพื่อชวนให้เดินกลับเข้าอุโมงค์ไปด้วยกัน”
กฎข้อที่ว่า ห้ามผู้เล่น และ สต๊าฟฟ์โค้ช ตอบโต้แฟนบอล การลงไม้ลงมือของผู้เล่นหลายครั้งจึงจบที่ใบแดง แม้ว่าจะดูไร้เหตุผลก็ตาม แต่ในฐานะมืออาชีพ กฎก็ต้องเป็นกฎ
เรื่องนี้บทลงโทษทั้งการปรับ และ การแบนจะต้องตามมาแน่นอน
คนในวงการฟุตบอลทุกคนต่างเข้าใจ วิเอรา
ดิออน ดับลิน ก็บอกว่าการที่แฟนบอลกรูกันลงไปในสนามเป็นเรื่องที่ทั้งผิดกฎ และ อันตราย แต่นั่นคือแพสชันที่ทุกคนเข้าใจได้ว่าสมควรแก่เหตุ
ส่วนการยั่วยุของแฟนบอลบางคนก็ต้องสืบสวนกันต่อไป ซึ่งหลังการเตะด้วยความฉุนเฉียวของวิเอรา แฟนบอลส่วนใหญ่ ณ จุดนั้นพยายามห้ามปราม และ กันไม่ให้มีใครเข้าไปทำร้าย วิเอรา แต่ก็หยุดการด่าทอไม่ได้
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ยังคงมีสปิริตอยู่
ในแมตช์ต่อไปของทั้งสองทีมในอนาคตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่จะเต็มไปความดุเดือดขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม