ทีมชาติไทยจะต้องไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายภายใน 4 ปี
หนึ่งประโยคเน้นๆ ของเพชรฆาตหน้าหยก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตซูเปอร์สตาร์ทีมชาติไทย ที่ได้ประกาศกลางรายการโทรทัศน์ของช่องไทยรัฐทีวี พร้อมกับกล่าวปิดประโยคว่าถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องมีใครมาไล่ ผมจะไปเอง
เป็นอีกครั้งที่ เดอะ ตุ๊ก ตีบทฮีโร่ผู้ต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีให้กับวงการฟุตบอลของประเทศไทยให้กลับคืนมา หลังจากพลาดท่าในแทบจะทุกรายการ หรือ ทุกชุดที่ส่งไปแข่งขัน
เพราะแม้แต่ทัวร์นาเมนต์แห่งการเรียกความเชื่อมั่นอย่างฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ที่อุตส่าห์เลือก มาเลเซีย มาเป็นทางผ่านเพื่อกรุยทางสู่รอบชิง แต่กลับถูกเสือเหลืองแว้งกัดคาถิ่นเสียนี่
รหัสสำคัญของภารกิจที่คนทั้งชาติอยากให้เป็นไปได้ จะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ไหมยังไม่มีใครทราบ แต่ที่แน่ๆ โปรเจ็กต์นี้จะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันจะสั่งลงนามประกาศแต่งตั้ง เดอะ ตุ๊ก พร้อมทีมงานเข้ามาทำหน้าที่
โดยคาดว่าน่าจะเป็นฝ่ายเทคนิคเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเตะทีมชาติไทย มากกว่าการเป็นตัวตั้งตัวตีในการกระชากขาเก้าอี้นายกสมาคมมากำกับเอง ซึ่งเก้าอี้นายใหญ่อาจจะยังเป็นตำแหน่งที่ไม่ตรงไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เพราะจะหนักไปทางงานบริหาร กับ งานประสานทั่วสารทิศมากกว่างานในสนามฟุตบอล
แต่ถ้าหากนายกคนปัจจุบันไม่ยอมซื้อไอเดียนี้ ก็เท่ากับว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นหลังมีการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่ ซึ่งจะต้องหิ้วไอเดียนี้ไปหาเสียงกับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง
ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น (ปี พ.ศ. 2567 หรือ ค.ศ 2024) แฟนบอลอย่างเราอาจจะต้องหวังปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ชนิดพลิกข้าง แบบที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่มีการผลัดเก้าอี้ชนิดฟ้าสะเทือน
แต่ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาในรูปของเป็นการสืบทอดอำนาจ หรือ ยังคงเป็นการส่งต่อขั้วอำนาจเดิม เดอะ ตุ๊ก กับพรรคพวกก็อาจไม่ได้แจ้งเกิด โปรเจ็กต์นี้ก็อาจเป็นได้แค่เรื่องเล่าในตำนาน
สมมติว่านายกคนนี้ยอมซื้อไอเดีย ทีมงานชุดนี้ก็จะมีเวลา 4 ปี ในการปลูกฝังดีเอ็นเอให้กับนักเตะทีมชาติตั้งแต่ชุดเล็กขึ้นมาตามที่โค้ชจุ่นเกริ่นคร่าวๆ เอาไว้
แต่ถ้าไปแจ้งเกิดในยุคนายกคนใหม่ เท่ากับว่าทีมงานจะมีเวลาเพียงแค่ 2 ปีในการซ่อม สร้าง เสริม ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ ถ้าจะเข้าใจได้ว่า ไทยลีก กับ ทีมชาติชุดใหญ่ หรือ แม้แต่ชุด U23 ลงไป ยังมีแนวทางการเล่นไปคนละทางกันอยู่เลย
ดังนั้นพิมพ์เขียวที่ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน จะดำเนินการนั้น ก็จะมีระยะเวลาทำงานที่กระชั้นมากๆ ไม่ว่าจะ 4 หรือ 2 ปีก็ตาม โดยเฉพาะถ้ามองไปที่ความสำเร็จในรอบ 2 ปีล่าสุดของทีมชาติทุกชุดของเราที่ตะคริวขึ้นคอทุกรายการ
แล้วสิ่งสำคัญที่จะต้องไม่ลืมก็คือ กว่าจะถึงเวลานั้น เจ-ชนาธิป, มุ้ย-ธีรศิลป์, อุ้ม-ธีราทร สามกำลังสำคัญของทีมชาติจะมีอายุเท่าไหร่กันบ้าง เพราะถึงแม้ว่าเหล่านักเตะรุ่นใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดได้ในช่วง 2-3 ปีล่าสุดนี้จะแก่กล้าวิชามากขึ้นก็ตาม แต่เหล่ากระดูกสันหลัง 3 คนนั้นน่าจะผ่านจุดพีคไปไกลแล้ว
ซึ่งตามสูตรของทีมฟุตบอลที่ดี จะต้องมีแกนหลักสำคัญอย่างน้อย 3-6 คน ส่วนคนที่เหลือต้องเป็นนักเตะที่เข้าใจแผนการเล่นอย่างถ่องแท้ แล้วเล่นเข้าฟอร์มที่ดีให้พร้อมกันมากกว่า 8 คน โดยเฉพาะนักเตะตัวหลักที่ว่ามา
ดังนั้นการผลิตกำลังหลักเพื่อมาแทน 3 อดีตผู้เล่นเจลีกที่เดินเข้าสู่ช่วงโรยรา จึงเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่น่าจับตามอง
ซึ่งถ้าสิ่งที่ เดอะ ตุ๊ก กับทีมงานเตรียมมานั้นดีจริง ก็เท่ากับว่ามีความเสี่ยงสูงจนอาจจะกลายเป็นเสียของเพราะข้อจำกัดทางเวลา แม้ว่าจะมีโควต้าฝั่งเอเชียมากถึง 8.5 ทีมก็ตาม เพราะถ้าจะว่ากันจริงๆ เอาแค่ภารกิจทวงคืนจ้าวอาเซียนให้กลับสู่แหลมทองของเราภายใน 2 ปีนี้ ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปอย่างง่ายดายเลย
เพราะว่าทั้งเวียดนาม, มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ล้วนแกร่งวันแกร่งคืน ในขณะที่มหาอำนาจอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, อิหร่าน ก็ก้าวไปไกลแล้ว ส่วน ซาอุดีอาระเบีย, อิรัก, เลบานอน, โอมาน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ยังรักษามาตรฐานของพวกเขาเอาไว้ได้เรื่อยมา
ดังนั้นเวลา 2-4 ปีที่ว่า ทีมงานจึงอาจจะทำได้แค่ปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์เท่านั้น แต่ไม่น่าจะเพียงพอต่อเมกะโปรเจ็กต์ระดับไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ืทวีปอเมริกาได้ แต่ถ้าเป็นฟุตบอลโลก 2030 ละก็มีสิทธิ์ลุ้นขึ้นเลย
ซึ่งในฐานะแฟนเกิร์ลของคุณน้าตุ๊ก ก็อยากจะให้ขยายเวลาให้ตัวเองออกไปด้วยเถิด เพราะนอกจากเอาใจช่วยด้วยใจบริสุทธิ์แล้ว ก็อยากจะเห็นทีมไอเดียชุดนี้ที่ว่ากันว่ามาจากการระดมสมองของเพื่อนพี่น้องอดีตนักเตะทีมชาติกันทั้งนั้นได้เกิดขึ้นจริง
แล้วก็หวังว่าขอให้นายกคนปัจจุบันซื้อไอเดียนี้ไปเลย เพราะต้องยอมรับว่าแม้ผลงานในสนามจะแย่ แต่ทางแก้ด้วยดรีมทีมชุดนี้อาจจะกู้สถานการณ์จนพลิกวิกฤติมาเป็นโอกาสได้เลย
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม