เสมอ 2 นัดแรก, แพ้ในเกมแดงเดือด, ชนะ บอร์นมัธ 9-0, ชนะ นิวคาสเซิล 2-1, เสมอ เอฟเวอร์ตัน, แพ้ นาโปลี 1-4, ชนะ อาแจกซ์ 2-1 และ เสมอ ไบรท์ตัน 3-3
ทั้งหมดนั้นเกิดจากการเล่นในระบบ 4-3-3 ที่ไม่มี ซาดิโอ มาเน ประจำการทางฝั่งซ้าย
จนเข้าสู่แมตช์ที่เอาชนะ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส, แพ้ อาร์เซนอล, ชนะ เรนเจอร์ส อีกครั้ง, ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี, ชนะ เวสต์แฮม
เจอร์เกน คล็อปป์ ปรับระบบมาเล่นในรูปแบบ 4-2-3-1 และ 4-4-2 เป็นหลัก เพื่อรองรับสภาพนักเตะที่ร่างกายไม่เต็มร้อย, บาดเจ็บ และ ยังปรับตัวไม่ค่อยได้
การที่ ดิโอโก โจตา, ลุยซ์ ดิอาซ สองกองหน้าตัวหลักมีอาการบาดเจ็บ
การที่ เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ธิอาโก อัลคันทารา มีวัยเกิน 30 ปี
การที่มิดฟิลด์ดาวรุ่งยังไม่พร้อมสำหรับลีกที่มีการแข่งขันด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น
รวมทั้งฟอร์มการเล่นของเหล่าตัวหลักต่างดรอปลงทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ ฟาน ไดจ์ค กับ ซาลาห์
เจอร์เกน คล็อปป์ จึงออกมาทิ้งระเบิดใส่ในเรื่องการใช้เงินมหาศาลเสริมทีมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี และ การลงทุนของทีมเล็กอย่าง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่ใช้เงินติดอันดับแถวหน้า
แน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง และ เรื่องจริงอีกด้านก็คือ ลิเวอร์พูล เองก็ใช้เงินไปไม่น้อย และ ก็ขายตัวผู้เล่นหาเงินไปไม่น้อยเช่นกันตามนโยบายเงินหมุนของฝ่ายบริหารอเมริกัน
ดังนั้น ลิเวอร์พูล ที่ใช้ผู้เล่นชุดหลักสลับกับการขายไปแล้วซื้อมาภายใต้ขนาดทีมที่ค่อนข้างจำกัด จึงเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านในที่สุด
จนน่าคิดว่าจริงๆ แล้ว คล็อปป์ ไม่ได้แขวะสโมสรอื่น แค่เขาแค่เรียกสติฝ่านบริหารให้ตื่นจากการหากินกับนโยบายเก่านโยยายเดียวได้แล้ว
แล้วในเมื่อยังไม่มีผู้เล่นที่ต้องการ คล็อปป์ จึงใช้วิธีปรับเปลี่ยนแผนการเล่นเป็นครั้งที่สองในยุคสมัยของเขา จากบอลเฮฟวีเมทัล มาสู่ฮาร์ด/ซอฟท์ร็อคฟุตบอล และ ปรับมาเป็นอย่างที่เห็นในฤดูกาลนี้ ซึ่งอาจจะต้องกัดฟันเรียกว่าบางวันร็อค บางวันวงกลองแต๊ก เพราะไม่รู้ว่าควรจำกัดความอย่างไรดี
โดยหวังว่าเมื่อนักเตะกลับมานากอาการบาดเจ็บเหมือนกัยวิกฤติที่เคยเจอในช่วงโควิดยุคแรก รวมทั้งนักเตะทุกคนจะกลับมาผสมกลมกลืนกันได้อีกครั้งก่อนที่จะสายเกินไป
กุนซือลิเวอร์พูลยอมรับว่าเรื่องแชมป์ลีกกลายเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป รวมทั้งการที่เชลซี, สเปอร์ส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ แม้แต่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว บางทีอันดับ 3-4 สำหรับพวกเขาก็อาจจะกลายเป็นงานยากเช่นกัน
ยังดีที่สถานการณ์ในฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง และ กำลังจะเข้าช่วงเบรคให้เวิลด์คัพ รวมทั้งถ้า ลิเวอร์พูล ยอมตัดนักเตะส่วนเกินที่ทำให้ขนาดทีมแออัดจนเสริมทัพไม่ได้ออกไป พวกเขาก็อาจจะได้นักเตะใหม่เข้ามา
ในช่วงหลังจบฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ลิเวอร์พูล อาจจะกลับมาได้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
ยกเว้นก็แต่ว่าทุกอย่างที่แฟนบอลหวังจะไม่เกิดขึ้น เมื่อนั้นอาถรรพ์ 7 ปี ก็อาจจะเล่นงาน คล็อปป์ เหมือนกับที่เคยเจอมาที่ 2 สโมสรเก่าของเขาเอง
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม