Link Copied!

เจาะลึกบอลโลก 2022 : กลุ่มอี “กระทิงดุ-อินทรีเหล็ก” ไม่น่าพลาด “กล้วยหอม-ซามูไร” อาจมีเซอร์ไพรส์เจาะลึก

นับถอยหลัง “เวิลด์ คัพ 2022” ที่กาตาร์ กำลังจะเปิดฉากในอีกไม่ช้า วันนี้ Playnowthailand จะพาไปวิเคราะห์เจาะลึกอีก 4 ทีมใน “กลุ่มอี” ว่า ทีมใดมีโอกาสเข้ารอบมากกว่ากัน?

สเปน

“กระทิงดุ” เคยก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดด้วยการครองบัลลังก์ “แชมป์โลก” มาแล้ว 1 สมัย ในปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ แต่หลังจากนั้น ผลงานของพวกเขาก็ดร็อปลงไปชัดเจน โดยกระเด็นตกรอบแรก ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล และจอดป้ายรอบ 16 ทีม ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย มาถึงฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ถือเป็นการผ่านเข้ามาโชว์ฝีเท้ารอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 16 โดยควั๋าตั๋วมาลุยกาตาร์ ในฐานะแชมป์กลุ่มบี รอบคัดเลือก โซนยุโรป ด้วยผลงาน ชนะ 6 เสมอ 1 และแพ้ 1 ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ เอ็นริเก ที่กล้าใช้ผู้เล่นสายเลือดใหม่เป็นหลัก นำโดย 3 ดาวรุ่งจากถิ่นคัมป์นู อย่าง เปดรี, กาบี และ อันซู ฟาติ ผนึกกำลังกับรุ่นพี่ประสบการณ์สูงอย่าง ฆอร์ดี อัลบา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, โกเก และ อัลบาโร โมราตา ซึ่งดูแล้วเชื่อว่าทัพ “กระทิงดุ” ไม่น่ามีปัญหาสำหรับการผ่านเข้ารอบ แต่อาจจะต้องแย่งตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับ “อินทรีเหล็ก” 

คอสตาริกา

ขุนพลจากดินแดน “กล้วยหอม” ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก ก่อนหน้านี้ 5 ครั้ง ซึ่งผลงานที่ดีที่สุดคือ การทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในเวิลด์ คัพ 2014 ที่บราซิล ซึ่งในปีนั้น คอสตาริกา ถูกจับให้อยู่ในกรุ๊ปออฟเดธ ร่วมกับ อิตาลี, อังกฤษ และ อุรุกวัย ที่ใคร ๆ ก็มองว่าพวกเขาคงจะเป็นแค่กล้วยหอมให้คู่แข่งได้เคี้ยวสบายสมฉายา แต่ที่ไหนได้ พวกเขาปราบทั้ง อุรุกวัย, อิตาลี และเสมอ อังกฤษ คว้าแชมป์กลุ่มได้แบบโลกตะลึง จากนั้นรอบสอง ชนะจุดโทษ กรีซ 5-3 ก่อนที่จะไปพ่ายจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 3-4 ยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ไม่มีใครกล้ามองข้ามอีกต่อไป ส่วนฟุตบอลโลกหนนี้ คอสตาริกา เป็นทีมสุดท้ายที่ได้ตั๋วมาลุยกาตาร์ หลังจากจบอันดับ 4 ในรอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟ จึงต้องไปเล่นเพลย์ออฟกับทีมจากโซนโอเชียเนีย ก่อนจะเฉือน นิวซีแลนด์ 1-0 ซิวตั๋วเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยแม่ทัพของ คอสตาริกา ชุดนี้คือ หลุยส์ เฟอร์นานโด ซัวเรซ กุนซือชาวโคลอมเบีย วัย 62 ปี ซึ่งเคยพา เอกวาดอร์ ทะลุเข้ารอบ 2 ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี ก่อนพ่ายต่อ อังกฤษ 0-1 จากฟรีคิกประตูชัยของ เดวิด เบ็คแฮม ส่วนคีย์แมนนักเตะมีแข้งชูโรงอย่าง โจเอล แคมป์เบลล์ อดีตกองหน้าอาร์เซนอล วัย 30 ปี และ ไบรอัน รุยซ์ จอมทัพกัปตันทีมประสบการณ์สูง ซึ่งคู่แข่งคงจะมองข้าม คอสตาริกา ไม่ได้เป็นอันขาด

เยอรมนี

“อินทรีเหล็ก” ถือเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของวงการลูกหนัง โดยพวกเขาผงาดคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัย ในปี 1954, 1974, 1990 และ 2014 อย่างไรก็ตาม ในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่รัสเซีย ปี 2018 เยอรมนี ต้องกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไปแบบช็อกโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำ หลังจากนั้นใน ยูโร 2020 แข้งเมืองเบียร์ก็ไปได้ไกลแค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น และแน่นอนว่า ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ เยอรมนี มีเป้าหมายที่จะกลับมาผงาดให้ได้อีกครั้ง ภายใต้การนำของ ฮันซี ฟลิค กุนซือวัย 57 ปี ที่เข้ามาคุมทีมแทน โยอาคิม เลิฟ เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ส่วนขุมกำลังชุดปัจจุบันมีนักเตะจากทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น มานูเอล นอยเออร์, โจชัว คิมมิช, แซร์จ นาบรี, โธมัส มุลเลอร์, จามาล มูเซียลา, ลีออน กอเรตซ์กา และ ลีรอย ซาเน ผนึกกำลังกับแข้งดังที่แฟนบอลคุ้นชื่อคุ้นหูกันดีอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เรอัล มาดริด), อิลคาย กุนโดกัน (แมนซิตี), ไค ฮาแวร์ตซ์ (เชลซี), ยูเลียน บรันด์ท (ดอร์ทมุนด์) ซึ่งถ้าเทียบขุมกำลังกันตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้ว ทัพเยอรมนีชุดนี้ถือว่าแข็งแกร่งไม่เป็นรองใคร และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับ สเปน 

ญี่ปุ่น

หลังจากสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1998 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “ซามูไรบลูส์” ก็สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ตลอดทุกครั้ง โดยมีผลงานดีที่สุดคือ การเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2002, 2010 และ 2018 สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นเวทีเวิลด์คัพสมัยที่ 7 ติดต่อกันของ ญี่ปุ่น โดยมี ฮาจิเมะ โมริยาสุ เฮดโค้ชวัย 54 ปี ที่มีผลงานพา ซานเฟรชเซ ฮิโรชิมา ผงาดแชมป์เจลีก ได้ถึง 3 สมัยในปี 2012, 2013 และ 2015 จากนั้นถูกดึงมาคุมทีมชาติญี่ปุ่นชุด ยู-23 คว้าเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2018 ซึ่งระหว่างนั้น โมริยาสุ รับบทเป็นผู้ช่วยของ อากิระ นิชิโนะ ไปลุยฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นกุนซือชุดใหญ่เต็มตัวเมื่อเดือน ก.ค. 2018 และพาทีมคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ ขณะที่ขุมกำลังของทัพซามูไร ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่ออกไปค้าแข้งกับสโมสรดังในยุโรปแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ทาเคฮิโร โทมิยาสึ (อาร์เซนอล), มายะ โยชิดะ (ชาลเก), วาตารุ เอ็นโดะ (สตุตการ์ท), ไดจิ คามาดะ (แฟรงก์เฟิร์ต), คาโอรุ มิโตมะ (ไบรท์ตัน), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล โซเซียดัด), ฮิเดมาสะ โมริตะ (สปอร์ติง ลิสบอน), ทาคุมะ อาซาโนะ (โบคุม) และที่ขาดไม่ได้คือ ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกสุดหล่อขวัญใจสาวๆ จากโมนาโก ซึ่งดูแล้ว แม้ศักยภาพจะเป็นรองเพื่อนร่วมกลุ่ม แต่ปัจจุบัน ทีมชาติญี่ปุ่นได้ยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมาจนไม่ต่างอะไรกับทีมในยุโรปแล้ว ถ้าพวกเขาเล่นกันแบบ “ท็อปฟอร์ม” ก็อาจมีเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน

โปรแกรม ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่มอี

23 พ.ย. 65 เยอรมนี – ญี่ปุ่น  20.00 น.

23 พ.ย. 65 สเปน – คอสตาริกา 23.00 น.

27 พ.ย. 65  ญี่ปุ่น – คอสตาริกา 17.00 น.

28 พ.ย. 65 สเปน – เยอรมนี  02.00 น.

2 ธ.ค. 65 ญี่ปุ่น – สเปน  02.00 น.

2 ธ.ค. 65 คอสตาริกา – เยอรมนี 02.00 น.

Total
0
Shares