นาทีที่ 5 ผู้เล่น ลิเวอร์พูล และ แฟนบอล ปรบมือเพื่อเฉลิมฉลอง แต่ไม่ใช่เพื่อ แฮร์รี แมคไกวร์ กัปตันทีมหมายเลข 5 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาปรบมือให้กับสกอร์ 1-0 ของทีมตัวเอง
นาทีที่ 7 แฟนบอลทั้งสนามปรบมือพร้อมกันเพื่อส่งกำลังใจไปให้ คริสเตียโน โรนัลโด และ ครอบครัว แถมด้วยการร้องเพลง You will never walk alone ที่มีเนื้อหาเติมกำลังใจที่ดีงามจากแฟนบอลลิเวอร์พูล น้อยครั้งนะคะที่เพลงนี้จะสื่อความหมายไปยังคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่แข่งอันดับหนึ่งตลอดกาลทีมนี้
นี่คือการแสดงออกที่มาพร้อมเพรียงกันโดยมีการนัดหมายเอาไว้ล่วงหน้า อันเต็มไปด้วยความมีน้ำใจนักกีฬา และ เป็นพฤติกรรมเบื้องต้นที่ดีของมวลมนุษย์ทุกคนที่พึงต้องมี
ในเกมวันนั้นยังใกล้เคียงกับวันครบรอบ 33 ปี แห่งการสูญเสีย 97 ชีวิต จากเหตุการณ์ฮิลส์โบโรห์ เมื่อปี 1989 จึงมีการรำลึกถึงความสูญเสียนั้นในระหว่างเกม
::
ในยุคที่เรายังมีมนุษย์แฟนบอลไร้ความคิดบางคนปะปนอยู่กับแฟนบอลดีๆ จึงได้มีแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางคน แสดงความล้อเลียนขึ้นมาด้วยการยกคำกล่าวหาของ เดอะซัน ที่เคยตีพิมพ์ว่า แฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นฆาตกรตัวจริงในเหตุการณ์วันนั้น
ทั้งที่มีคำพิพากษาจากการตัดสินคดีนี้เอาไว้แล้วว่า แฟนบอลลิเวอร์พูลกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุของความวุ่นวายในวันนั้น คือ ผู้บริสุทธิ์ และ ชาวเมืองลิเวอร์พูลได้ร่วมใจกันแบน นสพ.เดอะซัน เพื่อตอบโต้สิ่งที่สื่อจอมแฉได้ตีพิมพ์โดยขาดความยั้งคิด
สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมาว่า
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขอยืนเคียงข้างสโมสรลิเวอร์พูล และ แฟนบอล ด้วยความอาลัยยิ่งต่อผู้ตกเป็นเหยื่อในโศกนาฎกรรมที่ฮิลล์สโบโรห์
การแสดงออกด้วยคำพูด และ เสียงตะโกน เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถยอมได้ เราจะร่วมมือกับ ลิเวอร์พูล เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่กลุ่มแฟนบอลในเรื่องดังกล่าว”
::
น่าเสียดายที่เกมกีฬาอันสวยงามยังมีกลุ่มคนหลงยุค ทัศนคติต่ำ และ ไร้มนุษยธรรม หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้
อันที่จริงในฐานะที่ผู้เขียนเป็นแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรอันมีรากเหง้าที่ยาวนานจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ภาคภูมิใจ ที่แม้ผู้เขียนจะเกิดไม่ทันทั้งเหตุการณ์มิวนิก 1958 และ ไม่ทันดูเหตุการณ์ฮิลส์โบโรห์ 1989 แต่ก็ยังเกิดความรู้สึกร่วมไปกับความสูญเสียทั้งสองครั้งในยามที่เขียนถึงเรื่องนี้
และ ไม่เคยรู้สึกยินดีที่จะมีคนบางคนนำเอาความโศกเศร้าพวกนี้มาล้อเล่นด้วยความคึกคะนอง แม้จะมาจากแฟนบอลกันเองก็เถอะ ผู้เขียนจะยิ่งรู้สึกอยากประณามคนกันเองมากกว่าปกติด้วยซ้ำไป
ในนามของแฟนบอลที่มีชีวิต มีจิตใจ และ มีความยั้งคิด ผู้เขียนขอยืนยันว่าได้โปรดหยุดล้อเล่นกับความสูญเสีย และ ขอให้ความเกลียดชังกันที่มีต่อกัน จำกัดอยู่แค่การเชียร์ให้ทีมชนะในเกมเท่านั้นพอ
ด้วยความเคารพต่อสกอร์ 4-0 และ ด้วยความไว้อาลัยต่อทุกการสูญเสียค่ะ
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม