ผู้เขียนเป็นแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ที่สังคมโซเชียลบ้านเราเรียกขานคนแบบนี้ว่าเป็น “เด็กผี”
แต่ผู้เขียนเป็นเด็กผีที่เป็นแฟนตัวยงของ สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เคยเขียนบทความเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของพรีเมียร์ ลีก เอาไว้เมื่อราว 2-3 ปีก่อน
โดยหนึ่งในโศกนาฏกรรมของลีกอันดับหนึ่งของโลกที่น่าสยดสยองก็คือ ท่ามกลางถ้วยแชมป์ลีก กับ เหรียญแชมป์ลีกมากมายของมิดฟิลด์ร่วมยุคอย่าง พอล สโคลส์ กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด
การไร้แชมป์ลีกสูงสุดของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาเดียวกันจึงเป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุด อันเป็นการบ่งบอกถึงความไม่มีตาของชะตากรรรม
ซึ่งโศกนาฏกรรมนั้นอยู่ในระดับเดียวกับการไม่เคยไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของ จอร์จ เบสต์ กับ ไรอัน กิกส์ หรือ การที่ทีมชาติอังกฤษชุดโกลเดน เจเนอเรชัน ไม่เคยแม้แต่จะเข้าถึงรอบรอบชนะเลิศฟุตบอลรายการเมเจอร์
ภาพการลื่นล้มของ เจอร์ราร์ด ในวันที่พ่ายแพ้ให้กับ เชลซี จึงเป็นทั้งฝันร้ายตลอดกาลของเจ้าตัว เป็นทั้งมีมขบขันของแฟนบอลทีมอื่น และ เป็นหลักฐานยืนยันความไม่ได้เรื่องของเทพแห่งชะตากรรม
เพราะการลื่นครั้งนั้นส่งผลขั้นต้นต่อความมั่นใจของ ลิเวอร์พูล ในนัดต่อมาอีกด้วย อันทำให้พวกเขาเสียคะแนนไปถึง 5 แต้ม จนพลาดท่าในช่วงลุ้นแชมป์โค้งสุดท้ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ไปแค่ 2 คะแนน
ทั้งที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนซิตี ได้อย่างน่าประทับใจในวันสงกรานต์ จนกลายเป็นทีมนำตารางคะแนนจากชัยชนะ 11 นัดติดต่อกัน
วินาทีนั้นทุกคนที่รักลิเวอร์พูล มั่นใจว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2013/14
ซึ่งถ้า ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ในปีนั้น การล้มของ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กๆ ที่ไม่มีใครจำ ไม่มีใครนำมาล้อ และ จะกลายเป็นมุขกากๆ ที่ไม่ขำ
รวมทั้งคงไม่มีใครนำไมค์ไปจ่อปากถาม เดมบา บา ผู้เล่น เชลซี ที่ฉกบอลไปยิงว่าสงสาร เจอร์ราร์ด หรือไม่?
แต่ในเมื่อผลกระทบมันมหาศาลขนาดนั้น ฝันร้ายในวินาทีนั้นจึงกลายเป็นตราบาปติดตัว อันเป็นความขำขันของคนที่ไม่รักเขาไปอีกนานเท่านาน
เมื่อมีข่าวที่คาดการณ์ว่า พรีเมียร์ ลีก อาจจะริบแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี จากการทำผิดกฎทางการเงิน
ผู้เขียนจึงสงสัยคนเดียวในใจว่า ต่อให้แชมป์ในปีนั้นถูกริบมามอบให้ ลิเวอร์พูล ความรู้สึกของ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะคลายความทุกข์ใจลงหรือไม่?
เพราะมันเป็นแชมป์ที่ดูมีความมัวหมอง จนไม่น่าจะทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องศักดิ์ศรีอย่างเขาจะยินดีรับเหรียญแชมป์นั้นมา