“การที่ เปเล คว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 ครั้ง ไม่น่าที่จะมีใครมาตั้งคำถามอีกนะว่าใครคือสุดยอดนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก”
“ทุกวันนี้ยังไม่เห็นใครจะเก่งไปกว่า เปเล”
“ทุกอย่างที่ผู้เล่นทุกคนทำได้ในสนามฟุตบอล เปเล เคยทำมาแล้วทั้งนั้น”
สามความเห็นที่น่าสนใจหลัง เปเล ราชาลูกหนังโลกเผชิญหน้ากับอาการที่ทรุดลง ซึ่งเกิดในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการคว้าแชมป์โลกของ ลีโอเนล เมสซี จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงเมื่อคืนนี้ คือ สิ่งที่ยืนยันได้ว่า เปเล คือราชาของวงการฟุตบอล
ในช่วง 3 ปีล่าสุดนี้ มักจะมีการทำสถิติต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับความเก่งในระดับที่สุดตลอดกาลของ คริสเตียโน โรนัลโด กับ ลีโอเนล เมสซี เพื่อหาที่สุดของความเก่งกว่ากัน
พร้อมจะมีคำถามฝากไปถึง เปเล หรือ แม้แต่ ดิเอโก มาราโดนา อยู่เสมอว่าเคยมีแบบนี้แล้วหรือยัง
รางวัลบัลลงดอร์
แชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
แชมป์โคปา อเมริกา หรือ แชมป์ยูโร
รวมทั้งมักจะตีค่าฟุตบอลในยุค 60s 70s 80s 90s ว่าเล่นง่ายกว่าฟุตบอลยุคปัจจุบัน
แถมยังไปขุดเอาเรื่องการเช็คล้ำหน้า กับ แทคติกอันเรียบง่ายกว่ายุคปัจจุบันมากมาเทียบเคียง
โดยที่ไม่ค่อยให้ความสนใจถึงความยากลำบากในอดีต อย่างเช่นยุคสมัยของ เปเล จนทำให้ชมรมคนรัก เปเล ออกมาตอบโต้กลับไปว่า
ไข่มุกดำเซ็นสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกตอนอายุ 16 ปี
ไข่มุกดำคว้าแชมป์โลกสมัยแรกตอนอายุยังไม่ครบ 18 ปี จนกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้แชมป์โลก, ทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย, ทำแฮตทริกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และ ทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ
เปเล เป็นนักฟุตบอลคนเดียวของโลกที่คว้าแชมป์โลก 3 สมัย
ปี 1958 เขาอาจจะเป็นน้องนุชสุดท้อง แต่ก็เป็นคนสำคัญ
ปี 1962 ฟุตบอลโลกที่ผู้ตัดสิน และ กฎกติกายังไม่คุ้มครองผู้เล่นเท่าทุกวันนี้ เปเล ถูกเตะจนบาดเจ็บกลางทัวร์นาเมนต์
ปี 1966 เจ้าภาพทำทุกอย่างเพื่อหยุดบราซิลตามทฤษฏีสมคบคิดที่ถูกวิเคราะห์ขึ้นมา และ แน่นอนว่า เปเล ถูกไล่หวดหนักอีกครั้ง
ปี 1970 กลับมาเป็นคนสำคัญจนพาทีมชาติบราซิลครองแชมป์โลกสมัยที่สาม
คลิปวิดีโอ การบอกเล่าของคนในยุคนั้น และ ความสำเร็จที่จับต้องได้ คือหลักฐานด้านความเชื่อ และ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เล่าขานความเก่งฉกาจของ เปเล ที่สามารถพิสูจน์ได้
ถ้าจะกล่าวหาว่าฟุตบอลสมัยนั้นเล่นง่าย ก็แล้วทำไม เปเล ถึงได้เหรือดุจเทวดามากกว่าใคร หรือ ทำไมผู้เล่นเก่งๆ ในสมัยนั้นทำแบบเขาไม่ได้
ทั้งที่ผู้เล่นทุกคนก็เผชิญหน้ากับการเล่นอันสกปรก, แท็คติกล้าสมัย, วิทยาศาสตร์การกีฬาตามมีตามเกิด, เทคโนโลยีเท่าที่มี, อาหารการกินธรรมดาทั่วไป, ค่าแรงอันน้อยนิด, ไม่มีเอเยนต์ดูแล, การคมนาคมไม่สะดวก และ ความเจริญแห่งยุคสมัยมีเท่าที่มี
ซึ่งถ้าเขาได้รับทุกอย่างเช่นเดียวกับ 2 GOAT แห่งยุคนี้ เปเล อาจเล่นฟุตบอลไปจนถึงฟุตบอลโลกปี 1978 เลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นประวัติศาสตร์ก็อาจจะเปลี่ยนไปหลายๆ อย่างเลย
หรือ ถ้า เมสซี กับ โรนัลโด ไปถูกนักเตะในยุคนั้นไล่เตะ พวกเขาอาจเล่นฟุตบอลได้ไม่ถึงอายุ 32 ปี
ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นไม่มี จึงเกิดการทดลองจัดสร้างรางวัลบัลงดอร์รูปแบบใหม่จากผู้สันทัดกรณีขึ้นมา เพื่อทำให้เห็นว่าถ้า บัลลง ดอร์ เปิดกว้างไปทั้งโลกแบบปัจจุบัน จอร์จ เวอาห์ จะไม่ถูกจดจำมากเท่าที่เป็นอยู่ในฐานะคนนอกยุโรปคนแรกที่ได้รับไป
เพราะว่า เปเล จะได้รางวัลบัลลงดอร์ 7 ครั้ง โดยเป็นคนแรกที่คว้าได้ 4 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่ปี 1958, 1959, 1960, 1961 ซึ่งจะทำให้ โยฮัน ครัฟฟ์ กับ เมสซี ไม่ใช่เจ้าของสถิติในเวลาต่อมา
เปเล ว่างเว้นรางวัลในปี 1962 เพราะตนเองถูกไล่เตะจนแทบต้องแขวนสตั๊ด จนทำให้ การ์รินชา แจ้งเกิดขึ้นมา และ เป็นเจ้าของบัลลงดอร์ปี 1963
จากนั้นก็กลับมาคว้ารางวัลนี้อีก 3 ครั้ง ในปี 1963, 1964 และ 1970 จนทำให้เขาคือเจ้าของบัลลงดอร์ 7 สมัยคนแรกของโลก, เป็นคนที่ได้บัลลงดอร์ 2 สมัยติดต่อกัน, 3 สมัยติดต่อกัน และ 4 สมัยติดต่อกันคนแรกของโลก
เท่านี้ก็น่าจะเป็นคำตอบของคำถามที่ชัดเจนว่า เปเล ไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร เขาสมควรถูกยกเอาไว้ในอีกระดับหนึ่งซึ่งอาจจะมีเพียงเขาคนเดียว หรือ มีเพียงสหายชาวอาร์เจนไตน์ผู้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนเขา ที่สามารถเทียบเคียงกันได้เท่านั้นเอง
ซึ่งวันนี้ทั้งคู่ได้ไปเล่นฟุตบอลกันบนท้องฟ้าอย่างที่ เปเล ให้สัญญากับเพื่อนรุ่นน้องของเขาเอาไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และ คงจะชวนกันลงมาดูฟุตบอลในยุคสมัยของพวก เอ็มบัปเป กับ ฮาแลนด์ ที่กำลังร่วมกันสร้างฟุตบอลของพวกเขาขึ้นมา
ขอให้สุข สงบ และ พบกับความสนุกสนานที่เคยมี
#PlayNowThailand #khelnow #football