แฮปปี้เอนดิ้งกันไปกับชัยชนะทั้ง 2 แมตช์ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ เหนือเนปาลและซูรินาม ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่า เดย์ ที่ผ่านมา พร้อมผลงานไร้พ่าย 10 นัดติดต่อกันในยุค “มาโน โพลกิง” ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับแฟนบอล แต่ก็ยังมีเครื่องหมายคำถาม? เพราะแข้ง “ช้างศึก” ยังไม่เคยออกจาก “Save Zone” ไปสู้รบปรบมือกับชาติในทวีปเอเชียหรือทวีปอื่นที่แรงกิ้งสูงกว่า ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของกุนซือฝรั่งหัวใจไทยผู้นี้ว่าจะพาบอลไทยก้าวไปข้างหน้าได้จริงหรือไม่?
#บทพิสูจน์แรก “เจ้าอาเซียน”
มาโน โพลกิง ค่อนข้างจะได้เปรียบหากเทียบกับโค้ชต่างชาติคนก่อนๆ ที่ผ่านมาและผ่านไป นั่นคือ การรู้จักนักเตะไทยเป็นอย่างดี แต่กับดีกรีแชมป์ที่ว่างเปล่า จึงมีเครื่องหมายคำถาม? ในการถูกเลือกเข้ามาทำหน้าที่แม่ทัพคนใหม่ “ช้างศึก” ทำให้แฟนบอลหลายคนไม่เชื่อน้ำยา
แต่ในที่สุดกุนซือลูกครึ่งบราซิล-เยอรมันก็สามารถลบคำสบประมาท พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” หลังห่างหายจากถ้วยใบนี้มานาน 5 ปี ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเฉพาะการเลือกใช้นักเตะได้อย่างลงตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถทดแทนกันได้ทุกตำแหน่ง
รวมถึงการสร้างทีมสปิริตที่ยอดเยี่ยม ทุกคนทำเพื่อส่วนรวม โดยเฉพาะโมเมนต์ที่แม้แต่กองเชียร์ยังน้ำตาซึม คือการเปลี่ยน กวินทร์ ธรรมสัจจานนท์ ที่เพิ่งสูญเสียคุณพ่อ ลงมาแทน ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศเป็นครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์
#10 นัดไร้พ่าย…แค่ภาพลวง?
นับตั้งแต่ มาโน โพลกิง เข้ามารับตำแหน่งจนถึงวันนี้ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกัน มากสุดเทียบเท่าผลงานช่วงปี 2000 ในยุค ปีเตอร์ วิธ อดีตกุนซือชาวอังกฤษ
ชิงแชมป์อาเซียน 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์
5 ธ.ค. 64 ชนะ ติมอร์-เลสเต 2-0
11 ธ.ค. 64 ชนะ เมียนมา 4-0
14 ธ.ค. 64 ชนะ ฟิลิปปินส์ 2-1
18 ธ.ค. 64 ชนะ สิงคโปร์ 2-0
23 ธ.ค. 64 ชนะ เวียดนาม 2-0
26 ธ.ค. 64 เสมอ เวียดนาม 0-0
29 ธ.ค. 64 ชนะ อินโดนีเซีย 4-0
1 ม.ค. 65 เสมอ อินโดนีเซีย 2-2
อุ่นเครื่อง ฟีฟ่า เดย์ ที่ประเทศไทย
24 มี.ค. 65 ชนะ เนปาล 2-0
27 มี.ค. 65 ชนะ ซูรินาม 1-0
อย่างไรก็ตามหากเทียบโปรแกรมและคู่แข่งที่เผชิญ ต้องยอมรับว่า มาโน โพลกิง ยังไม่ถูกทดสอบโดยทีมระดับชั้นนำของเอเชียหรือทวีปอื่นที่แรงกิ้งสูงกว่า เหมือนยุค ปีเตอร์ วิธ รวมไปถึง มิโลวาน ราเยวัช และ อากิระ นิชิโนะ กุนซือต่างชาติสองรายหลังสุด
#บทพิสูจน์ต่อไป “เอเชียนคัพ”
กับผลงานของกุนซือนอกหัวใจไทยที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ดึงมาคุมทีมชาติชุดใหญ่ ต้องถือว่าน่าพอใจ เพราะยังไม่มีอะไรที่สร้างความผิดหวังให้แฟนบอลเลยแม้แต่น้อย อะไรที่บอลไทยควรได้ควรเป็น ดูเหมือนมาโนจะตอบสนองได้เกือบทั้งหมด
เกมอุ่นเครื่องฟีฟ่า เดย์ 2 แมตช์ หากมองอันดับฟีฟ่า แรงกิ้ง ก็ต้องพูดกันตรงๆ ว่าเราค่อนข้างเป็นต่อทั้งเนปาลและซูรินาม แต่ถ้าใครที่ได้ติดตามทั้งสองเกมก็คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือเกมที่ “ไม่ง่าย” และเปิดโอกาสให้มาโนได้เรียนรู้และทดสอบแทคติกทั้งเกมรุกและเกมรับ
แมตช์แรกที่พบกับเนปาลเป็นแมตช์ที่มาโนได้ทดสอบประสิทธิภาพในเกมรุกอย่างเต็มตัว หลังต้องเผชิญกับเกมรับของทีมเยือนที่ทำการบ้านมาได้ดี บีบให้รูปเกมในช่วง 45 นาทีแรกเต็มไปด้วยความอึดอัด ก่อนที่เราจะมาได้สองประตูจาก ฟิลิป โรลเลอร์ และ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ที่ช่วยคลายความกดดัน
แมตช์ต่อมากับซูรินาม เป็นแมตช์ที่มาโนได้ทดสอบประสิทธิภาพทั้งเกมรุกและเกมรับ หลังต้องเผชิญทีมที่มีนักเตะค้าแข้งอยู่ในลีกที่มีมาตรฐานสูง อีกทั้งสรีระและความแข็งแกร่งเหนือกว่า ตามแบบฉบับอเมริกาใต้ + แคริบเบียน + ยุโรป ทำให้นักเตะไทยได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ และยังเอาตัวรอดไปได้
น่าคิดว่าถ้าเปลี่ยนจากซูรินามมาเป็นคู่แข่งในทวีปเอเชียอย่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือชาติในตะวันออกกลางที่ล้วนแต่เขี้ยวลากดิน โอกาสที่เราจะโดนปิดบัญชีจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็พร้อมที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าจะมองในมุมของการได้มีเวทีทดสอบนักเตะ ลองแทคติก ก็ถือว่านี่คือสองแมตช์ที่เราได้เห็นทั้งข้อดีและจุดอ่อนของตัวเองเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ทีมพร้อมที่สุดก่อนออกจาก “Save Zone”
เกมอุ่นเครื่องฟีฟ่า เดย์ ครั้งต่อไปในช่วงเดือนพฤษภาคมของทัพช้างศึกน่าจะถึงคิวของทีมที่แข็งแกร่งและมีฟีฟ่า แรงกิ้ง ที่เหนือกว่าเราบ้าง ก่อนไปลุย 3 เกมสำคัญในศึก “เอเชียน คัพ 2023” รอบคัดเลือก ที่อุซเบกิสถาน ในเดือนมิถุนายน ที่เราจะพลาดไม่ได้
หลังจากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่า เมื่อเส้นทาง “ช้างศึก” ต้องออกจาก “Save Zone” ที่คุ้นเคย มาโนจะมีทีเด็ดอะไร? บอลไทยจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างที่ทุกคนคาดหวังได้หรือไม่? อีกไม่นานคงได้พิสูจน์กัน!!!
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม
