นับตั้งแต่ โรแบร์โต เด แซร์บี เข้ามารับตำแหน่งปลายเดือนกันยายน ผลงานของ ไบรท์ตัน ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงตอนนี้สามารถรั้งอันดับ 8 ของตารางพรีเมียร์ลีกอย่างมั่นคง
การปรับแผนการเล่นจากระบบ 3-4-2-1 ในยุค แกรม พ็อตเตอร์ เปลี่ยนมาเป็น 4-2-3-1 เล่นแผงแบ็กโฟร์ โดย ปาสกาล กรอส กลับมามีบทบาทในตำแหน่งแบ็กขวา ถือเป็นการตัดสินใจอันน่าทึ่งของ เด แซร์บี ที่เปลี่ยนมิดฟิลด์เยอรมันกลายเป็นแบ็กจอมบุกที่เก่งกาจ
ขณะที่วิงแบ็ค เปร์วิส เอสตูปิยาน เติมเกมรุกฝั่งซ้ายอย่างดุดันและรวดเร็ว ส่วนปราการหลังร่างยักษ์ ลูอิส ดังค์ และ อดัม เว็บสเตอร์ รวมทั้ง เลวี โควิลล์ เข้าบอลหนัก อ่านทางบอลดี ผ่านยาก
ระบบมีความหยืดหยุ่น หากปรับมาเล่นสามกองหลัง สามารถขยับ โยเอล เฟลท์มัน เข้ามาเล่นปราการหลังด้านขวา และดัน กรอส ขึ้นสูงมาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางได้อีกด้วย
ผู้รักษาประตู โรเบิร์ต ซานเชซ ออกบอลด้วยเท้าได้ดีเหมือนเป็น สวีปเปอร์ คีปเปอร์ เฉกเช่นเดียวกับ มานูเอล นอยเออร์ ช่วยให้ทีมมีทางเลือกในการสร้างเกมจากแดนหลัง
มิดฟิลด์คู่กลาง อเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ ที่คว้าแชมป์โลกกับอาร์เจนตินาประสานงานแดนกลางกับ มอยเซส ไกเซโด ได้อย่างลงตัวทั้งบู๊และบุ๋น โดยดาวรุ่งเอกวาดอร์แข็งแกร่งเกมรับและขึ้นสูงช่วยเกมรุกได้ได้เช่นกัน ส่วนมิดฟิลด์ฟ้าขาวดันขึ้นมาทำเกมในตำแหน่งหมายเลข 10 ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ส่วนสามแนวรุกผสมผสานได้อย่างลงตัว แดนนี เวลเบ็ค พักบอลเชื่อมเกมได้ยอดเยี่ยม ขณะที่ คาโอรุ มิโตมะ เทคนิคเลี้ยงบอลคล่องแคล่วและสปีดฝีเท้าจัดจ้าน และ ซอลลี มาร์ช โดดเด่นในการลากเลื้อยและเปิดบอลด้านข้าง แถมมีตัวทีเด็ดบนม้านั่งสำรองอย่าง เอ็นซิโซ และ ซาร์เมียนโต ที่พร้อมลงมาพลิกเกม
สไตล์บอลสั้น รุกดุดันของกุนซือหนุ่มอิตาเลียนพา ไบรท์ตัน สั่นสะเทือนพรีเมียร์ลีก และพา “นกนางนวล” บินสูงอยู่ในเวลานี้
