Link Copied!

23 ปีที่รอคอย การกลับมาของ “สกอตแลนด์”

ะหว่างที่สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่กลุ่มเอฟ “กรุ๊ป ออฟ เดต” ประจำฟุตบอลยูโร 2020 ที่มาแข่งในปี 2021 ซึ่งมีทั้งฮังการี, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส และเยอรมนี อีกเกมที่น่าจะเดือดไม่แพ้กันจะมีขึ้นในกลุ่มดี ดาร์บี้แมตช์แห่งสหราชอาณาจักร อังกฤษ พบกับ สกอตแลนด์ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ธงยูเนียนแจ็กเหมือนกัน แต่โลกทั้งใบก็รู้ว่า อิงลิชกับสกอตติชนั้นไม่ลงรอยกันมาตลอด 

ถ้าจะเล่าเรื่องราวความบาดหมางระหว่างสองเชื้อชาติ คงต้องขุดเอาประวัติศาสตร์ของทั้งสองชาติมาเล่า แต่ในแง่ของฟุตบอลแล้ว ทั้งสองทีมพบกันมาทั้งหมด 114 ครั้ง โดยที่สิงโตคำรามกำชัยได้ 48 ครั้ง เสมอกัน 41 ครั้ง และขุนพลทาร์ทัน อาร์มี เอาชนะได้ 25 ครั้งเท่านั้น ที่เจอกันบ่อยก็เพราะว่าทั้งคู่ลงสนามแข่งขันกันทุกปีนับตั้งแต่ปี 1872 จนถึงปี 1989 แต่มีหยุดพักในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง โดยระหว่างปี 1884-1984 นั้นมีการแข่งขัน British Home Championship ระหว่างอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็พบกันบ้างประปราย โดยถ้านับเฉพาะในฟุตบอลยูโรมี 2 เกมสำคัญที่หลายคนคงจะจำกันได้

ในยูโร 1996 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ พร้อมสโลแกน Football Coming Home สิงโตคำรามจับสลากมาอยู่กลุ่มเดียวกับเพื่อนร่วมชาติทางตอนเหนือ ตั๋วเข้าชมเกมขายหมดภายในสองวันหลังจากผลการประกบคู่ ซึ่งเกมนั้นเกิดลูกยิงที่ยังอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร เมื่อ พอล แกสคอยน์ กระดกบอลข้ามหัว โคลิน เฮนดรี กองหลังของสกอตแลนด์ แล้วยิงประตูที่ 2 ให้อังกฤษชนะสกอตแลนด์ไปได้ 2-0 ประตู

อีกเกมเกิดขึ้นในรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 2000 รอบเพลย์ออฟ แข่งกันแบบเหย้า-เยือน เพื่อหาทีมเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย และเป็นสิงโตคำรามที่บุกไปชนะนัดแรกมาได้ก่อน 0-2 ประตูที่แฮมป์เดน ปาร์ค จากประตูของ พอล สโคลส์ ทั้งสองลูก ก่อนที่นัดที่สองจะมาเล่นกันที่เวมบลีย์ และเป็น ดอน ฮัทชิสัน ที่โหม่งประตูชัยให้สกอตแลนด์ชนะไป 0-1 ประตู แต่ก็ไม่พอ อีกครั้งที่อังกฤษมีส่วนทำให้สกอตแลนด์ตกรอบ

ครั้งสุดท้ายที่สกอต์แลนด์มีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ระดับประเทศเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส ปี 1998 หลังจากนั้นมาขุนพลจากแดนวิสกี้ก็ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อังกฤษเขี่ยพวกเขาตกรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร ปี 2000 ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 ทั้งๆ ที่แพ้แค่เกมเดียว ตามมาด้วยกับการตกรอบเพลย์ออฟฟุตบอลยูโร 2004 เมื่อแพ้เนเธอร์แลนด์ 6-1 ประตู หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าทีมฟุตบอลสกอตแลนด์จะไม่มีลุ้นผ่านเข้ารอบรายการใหญ่ๆ ระดับชาติอีกเลย จนในยูโร 2020 หลังจาก 23 ปีแห่งการรอคอย เปลี่ยนผู้จัดการทีมชาติไปแล้ว 8 คน กับ 198 เกมที่ลงสนาม สกอต์แลนด์กลับมาปรากฏตัวในฟุตบอลรายการใหญ่อีกครั้งได้แบบหวุดหวิดด้วยการดวลจุดโทษเอาชนะทั้งอิสราเอลและเซอร์เบีย ซึ่งก็เหมือนชะตาเล่นตลก จับสลากมาอยู่กลุ่มเดียวกับอังกฤษอีกแล้ว 

ครั้งสุดท้ายที่สกอตแลนด์ได้ลงเล่นในเมเจอร์ทัวนาร์เมนต์ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ปีกซ้ายชาวสกอตติชของลิเวอร์พูล อายุแค่ 4 ขวบ โดยโรเบิร์ตสันบอกว่าเขาจำภาพกัปตันทีมชาติอย่าง โคลิน เฮนดรี เดินนำขุนพลทาร์ทัน ลงสนามพบกับทีมชาติบราซิลได้ และตอนนี้เจ้าตัวกำลังจะนำทีมชาติสกอตแลนด์ลงสนามพบกับอังกฤษในศึกยูโร “ตอนที่ผมติดทีมชาติ มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากที่ได้ลงสนามกับ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ที่เป็นกัปตันทีมในตอนนั้น และถ้าเขายังคงเล่นอยู่ ผมจะมีความสุขมากที่จะเอาปลอกแขนกัปตันทีมคืนให้กับเขา มันน่าเศร้านะที่ผู้เล่นดีๆ มากมายพลาดในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ” โรเบิร์ตสันเอ่ย 

ทีมชาติสกอตแลนด์ชุดลุยยูโร 2020 นั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่ค้าแข้งในอังกฤษ และสกอตติช พรีเมียร์ชิพ ที่เราคุ้นชื่อคุ้นหน้ากันนอกจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็มี คีแรน เทียร์นีย์ จากอาร์เซนอล, บิลลี กิลมอร์ จากเชลซี, จอห์น แม็คกินน์ จากแอสตัน วิลลา, สจวร์ต อาร์มสตรอง จากเซาแธมป์ตัน, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เลียม คูเปอร์ จากลีดส์ ยูไนเต็ด โดยผู้จัดการทีมชาติคือ สตีฟ คลาร์ก ชายที่พาเวสต์บรอมวิช อัลเบียน จบอันดับในพรีเมียร์ลีกดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร พาเรดดิ้งเข้ารอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกใน 88 ปี และหยุดการรอคอย 23 ปีของสกอตแลนด์

พูดได้ว่านี่เป็นทีมชาติสกอตแลนด์ชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายปี แต่กลุ่มที่พวกเขาอยู่มีทั้งอังกฤษ, โครเอเชีย และสาธารณรัฐเช็ก เรียกว่ารองๆ กรุ๊ป ออฟ เดต เป้าหมายของสกอตแลนด์ คือ การผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้สักที หลังจากสองครั้งก่อนหน้าที่มีส่วนร่วมกับรายการนี้ ทั้ง ยูโร 1992 และ 1996 พวกเขาตกรอบแรก แต่เป้าหมายที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ การเอาชนะอังกฤษที่เวมบลีย์ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ให้ได้ การันตีเลยว่าผู้เล่นในสนามทุกคนของสกอตแลนด์จะสวมวิญญาณเบรฟฮาร์ตตลอด 90 นาทีในวันนั้น ยิ่งถ้ามีส่วนทำให้สิงโตคำรามตกรอบแรกด้วยได้ เสียงเพลง Flower of Scotland จะดังกระหึ่มทั่วทั้งสหราชอาณาจักรแน่นอน

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares