“เดอะสตรีกเกอร์” เคยมีคำสอนจากคุณหญิงย่าของมิสว่า “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา” ยิ่งถ้าเป็นคนบ้าที่เมาเหล้าละก็นะคะ ใครขืนเผลอไปถือนี่มีเจ็บหัวแน่นวล
เกมบุกไปชนะที่สเปนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มิสเชื่อว่าภาพจำที่ต้องติดตาพอๆ กับการยิงประตูที่แสนจะหรูหราหมาเห่าของ มาร์คัส แรชฟอร์ด
นั่นก็คือภาพเปลือยของบุคคลนิรนามเพศชายที่วิ่งออกมาโชว์ความภาคภูมิใจในความเป็นชายแบบที่ไม่คิดจะเกรงใจใคร
ซึ่งในเวลาต่อมาได้ทราบชื่อว่า โอลโม การ์เซียร์ หนุ่มท้องถิ่นที่คนย่านนั้นรู้จักเป็นอย่างดี และ ไม่มีใครคิดแปลกใจแม้แต่นิดนึงเมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของความเปลือยนั้น
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าของสโกแกนรักษ์โลกที่ว่า “ความยั่งยืนของมนุษย์ควรไปพร้อมกับสิ่งแวดล้อม” ได้ลงไปพีอาร์แนวคิดของเขาด้วยการเปลือยร่าง เพราะระหว่างคุณโอลโมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสนามล้วนมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เพราะตลอดสี่ปีที่ โอลโม การ์เซีย ที่เป็นนักธุรกิจด้านเคมีใช้การเปลือยกายในการโปรโมทให้คนรักษ์โลก เขายังเชื่ออีกว่าการทำแบบนี้มันดีต่อจิตใจ และ ดีต่อผิวกายตั้งแต่หัวจรดเท้านั่นเอง
ถ้าจะให้มิสชื่นชมการกระทำของป้อจายคนนี้สักหนึ่งข้อ หรือ สามข้อ ก็คงจะเป็นเรื่องของความอดทนซ่อนตัวอยู่นาน 14 ชั่วโมง และ การเลือกโชว์ตัวในวันที่ไม่มีแฟนบอลเข้าชมโดยไม่มีแบนเนอร์โฆษณาใดๆ ติดกายเลยแม้แต่นิดนึง รวมทั้งเขายังคงคอนเซ็ปต์เดิมๆ คือลงมาในช่วงที่เกมไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้วนั่นเอง
และแน่นวลค่ะว่าเป็นอีกหนึ่งครั้งที่การตรวจหลังการจับกุม ไม่ปรากฏว่าเคยมีอาการทางจิตเวช หรือ พบสารเสพติดในร่างกาย
⚽️⚽️⚽️
หลายคนคงพอจะทราบกันแล้วว่าการกระทำแบบนี้ในทางสากลเรียกกันว่า Streaker runner ที่มีการกำเนิด ณ สนามรักบี้ที่ชื่อว่า ทวิคเคนแฮม เมื่อปีวันที่ 20 เมษายน 1974
โดยเป็นเกมการแข่งขันนัดพิเศษเพื่อการกุศลของทีมชาติอังกฤษ กับ ทีมชาติฝรั่งเศส หลังจากเพิ่งจบจากรักบี้ชิงแชมป์ห้าชาติ ณ กรุงปารีส ที่มีทีมชั้นนำของโลกอย่างอังกฤษ, ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, สก็อตแลนด์ และ เวลส์ เข้าร่วมแข่งอยู่เป็นประจำเพื่อหารายได้เข้ากองทุนผู้ประสบภิบัติภัยทางอากาศ เพราะเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ปีเดียวกัน รักบี้ห้าชาติได้มีเหตุการณ์เครื่องบินตกที่พรากเอา 346 ชีวิตบนเครื่องลำนั้นไป ซึ่งรวมทั้ง 18 ผู้เล่นของทีมรักบี้ บิวรี่ เซนส์ เอ็ดมอนด์ ที่เดินทางกลับจากการไปร่วมการแข่งของคู่นี้ในรายการรักบี้ห้าชาติ
สนามทวิคเคนแฮมนั้น ในวงการรักบี้ถือเป็นสนามแข่งอันทรงเกียรติเทียบเท่าสนามแข่งของเทนนิสรายการวิมเบิลดัน และ สนามเวมบลีย์อันเป็นเมกะของวงการฟุตบอลอังกฤษ
ในวันนั้นมีแฟนบอลมารอชมเกมของคู่นี้กันมากมาย รวมทั้ง ไมเคิล โอ ไบรอัน ชาวออสซี่ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคู่แข่งคู่นั้นเลย ที่ต่อมาได้กลายเป็นบุคคลที่ถูกบันทึกว่าเป็น Streaker คนแรกของโลกในเกมอย่างเป็นทางการขึ้น
ซึ่งแรงจูงใจในการกระทำนั้นของนายไมเคิลมีเพียงแค่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ระดับเจ้มจ้น และ เป็นแค่การท้าทายระหว่างคนเมากะคนเมาแบบลูกผู้ชายเมาๆ
ประโยคท้าทายที่ใช้กันมาทุกยุคทุกสมัยว่า “เมิงกล้าป่าว โด่ว์ ไอ้อ่อนขี้ป๊อด” กับเงินเดิมพันมูลค่า 10 ปอนด์ จากอิบ้าที่ไหนก้อไม่ทราบที่มีสภาพความเมาในระดับใกล้เคียงกัน
ซึ่งสุภาษิตที่ขึ้นชื่อมากมายในวงสุราหลายๆ วง นั่นก้อคือ สิ่งที่ดีที่สุดในยามก่งก๊งสุราไม่ใช่มาจากการดื่มเพียวหรือผสมโซดา แต่เป็นบรรยากาศอันรื่นรมย์ระหว่างหยดแรกจนถึงสติสำนึกสุดท้ายที่ไม่สามารถหาได้จากปาร์ตี้หมูกะทะที่ใดในโลก
คนหลายคนที่ไม่รู้จักกันสามารถชนแก้วกันด้วยความสนิทสนมที่เกิดขึ้นเร็วระดับสิบปีแสง แล้วตื่นขึ้นมาด้วยความงงว่าเมิงเป็นใครมานอนบ้านกุได้ไงอยู่บ่อยๆ
คนหลายคนที่ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่สามารถบาดเจ็บล้มตาย หรือ ติดคุกในวันเดียวกันได้เพราะพิษของสุรา
ไมเคิลที่เมาจนลืมสิ่งที่ดีงามทุกสิ่งที่เคยเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต เขากับสหายสุราทุกคนพากันเดินร้องเพลงปลุกใจระหว่างเดินเข้าสนามแข่ง
ไมเคิลเสื้อผ้าหลุดทุกชิ้นโดยไม่ต้องออกแรงเอง และ ถูกยึดเสื้อผ้าไปอยู่ที่อีกฝั่งของอัฒจันทร์หลังเสาประตู และ ถูกสั่งว่าถ้าอยากได้คืนให้วิ่งข้่มฝั่งไปเอาคืนด้วยตัวเอง
นั่นก็หมายความว่าถ้าไมเคิลจะบังเอิ๊ญมีลูกรักบี้อยู่ในมือแบบนักรักบี้ แนววิ่งของเขาในวันนั้นคือการวิ่งเข้าไปวางทรัยได้กันเลยทีเดียวเชียวค่ะ
⚽️⚽️⚽️
แม้ในท้ายที่สุดไมเคิลอาจจะวางทรัยไม่ได้ และ เอาเสื้อผ้าคืนไม่ได้ เพราะได้โดนเกมรับที่มากันทั้งเครื่องแบบตำรวจพุ่งเข้าแท็คเกิ้ลเอาไว้ได้อย่างสวยงาม
ซึ่งคนเดียวในสนามที่จับภาพเหตุการณ์นั้นเอาไว้ได้คือ อดัม แบรดชอว์ อดีตช่างภาพอิสระที่ลาออกมาจาก เดอะไทม์ ได้มารับงานนี้จากการจ้างของหนังสือพิมพ์ซันเดย์ มิเรอร์
เขาเป็นชายหนุ่มที่เกิดกลางช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ประเทศไอร์แลนด์ ที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาเป็นช่างภาพอันเป็นงานในฝันของตนเอง ถึงแม้จะถูกครอบครัว และอาจารย์เตือนสติว่า อาชีพช่างภาพคืออาชีพที่จะทำให้ไร้อนาคต เพราะในยุคนั้นคนทั่วไปจะมองว่าตากล้องที่คอยแบกเลนส์มาตรฐาน เพื่อหาเงินจากการถ่ายนักท่องเที่ยวกับลิงที่ชายหาดก็คืออาชีพช่างภาพแบบแยกไม่ออกนั่นเอง
เอียนยังคงมั่นใจในแนวคิดของตนเองต่อไปด้วยการลาออกจากหนังสือหัวใหญ่อย่าง เดอะ ไทม์ส แล้วไปเรียนต่อด้านการถ่ายภาพที่ Royal Polytechnic Institue เพื่อเพิ่มสกิล และ มุมมองให้กับตัวเอง
เอียนมี ราล์ฟ มอร์ส ตากล้อง และ ช่างเทคนิคของฝ่ายประชาสัมพันธ์ขององค์การนาซ่าเป็นไอดอล และ ชื่นชอบวิถีถ่ายภาพแบบอเมริกันสไตล์ ซึ่งต่างจากช่างภาพทั่วไปของสหราชอาณาจักร
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนใจกับกิจกรรมยามว่างในช่วงพักครึ่งเวลา และ ช่างภาพส่วนใหญ่จะหลบเข้าไปหาความอบอุ่นที่อื่น ก็ได้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาจากคนดูเกือบ 50,000 คนในสนาม
ในตอนนั้นเอียนเพิ่งจะเก็บกล้องนิคอนพร้อมเลนส์ซูมที่ดีที่สุดในยุคนั้นเข้ากระเป๋าไป แต่ยังคงเตรียมพร้อมกับกล้อง Nikkormat คู่ใจสมัยหัดถ่าย พร้อมกับเลนส์ 200 มิล ซึ่งในวันที่แสงน้อย กล้องตัวนี้พร้อมฟิล์มขาวดำยี่ห้อ Kodak XXX ดูจะเหมาะกว่าด้วยซ้ำไป เอียนหันกล้องเพื่อมองหาเป้าหมาย จนได้พบกับสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของเขา และของคนในภาพถ่ายวันนั้น
เอียนเล่าว่าเขารัวชัตเตอร์ไม่ยั้งเมื่อได้เห็นร่างเปลือยของไมเคิลอยู่ในสนาม ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าภาพชุดนั้นจะคมชัด หรือ มีอะไรอยู่ในภาพบ้าง แต่ที่แน่ๆ เขายิ่งรัวชัตเตอร์ซ้ำเมื่อนายเปลือยถูกตำรวจคุมตัวออกจากสนาม และได้เห็นตำรวจคนนึงยอมเสียสละหมวกประจำตำแหน่งของตัวเอง ให้เพื่อนตำรวจอีกคนนำไปปิดกล่องศิลปะของไมเคิลแบบมิดชิดยกพวง
เอียนเล่าว่าขณะกดชัตเตอร์ เขาก็ลุ้นว่าหมวกใบนั้นที่มีการเคลื่อนที่แนวขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา จะมีอะไรไปบาดจนงานศิลปะส่วนตัวภายในนั้นบาดเจ็บหรือไม่
ในขณะที่ไมเคิลเดินผ่านคนดูที่รุมดูเขา ไมเคิลขอร้องเจ้าหน้าที่เพอร์รี่ว่าให้ช่วยพาเขาไปรับเงินค่าพนันตรงนั้นหน่อย ซึ่งทางตำรวจก็เต็มใจพาไป ระหว่างนั้นคนดูหลายคนตะโกนแซวว่า “ให้ตายเถอะเพื่อน ชั้นอยากจะกระโดดเข้าไปจูบนายเหลือเกิน”
สุดท้าย ไมเคิล โอ ไบรอัน ถูกศาลท้องถิ่นสั่งปรับด้วยข้อหาอนาจารเป็นเงินจำนวน 10 ปอนด์ และ ทันกลับมาดูทีมชาติฝรั่งเศสชนะไป 26-7
ส่วนเอียนที่โทรศัพท์ไปปรึกษากอง บก. ก็ได้รับคำสั่งว่าให้ลืมเกมนั้นไปซะ ไม่ต้องสนใจผลการแข่งขัน แล้วนำฟิล์มไปล้างเพื่อมาดูกันก่อนตีพิมพ์ข่าวใหญ่หน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้กัน
⚽️⚽️⚽️
ในยุค 70s 80s 90s สตรีกเกอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมกีฬา หรือ กิจกรรมดังๆ แต่ทั้งหมดทำไปเพียงเพื่อความสะใจ หรือ อยากดัง หรือ มีการท้าทายกันขึ้น
มีการขยายอาณาเขตออกไปกว้างขวาง ทั้งในสนามฟุตบอล, สนามเทนนิส, การแข่งขันสนุ้กเกอร์ รวมทั้งการเดินพาเหรดต่างๆ ลามไปถึงการเดินขบวนประท้วง
ต่างจากในยุคปัจจุบันที่เสน่ห์ของการวิ่งเปลือยได้หมดลงไป เมื่อมีการนำเอาเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้ามาแทนความสนุกสนานในราคาหลักล้านปอนด์
ค่ายพนัน และ ผู้ผลิตที่ต้องการความมักง่ายในการโปรโมทตัวเอง ลงทุนจ้างสตรีกเกอร์มืออาชีพเป็นเงินไม่อั้น พร้อมกับหาทนายไปช่วยยามถูกดำเนินคดี นั่นก็เพราะว่าค่าปรับมีมูลค่าต่ำกว่าการซื้อโฆษณาในรายการนั้นๆ อย่างน้อยๆ ก็ 100%
แต่สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นคือภาพจำ และ เกิดการรีรันมากมายหลายร้อยล้านครั้ง อันเป็นสิ่งที่การซื้อโฆษณาอย่างถูกต้องตามกฎกติกามารยาทให้ไม่ได้
อย่างเกมนัดชิงฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2019 ที่หลายคนแทบจะจำผลการแข่งขันไม่ได้ รวมทั้งไม่ได้สนใจว่าลิเวอร์พูลจะชนะเพราะอะไร
แฟนบอล ลิเวอร์พูล จำได้อย่างดีว่า ซาดิโอ มาเน ใช้ความเจ้าเล่ห์ยกบอลให้ไปโดนมือกองหลังสเปอร์สจนได้ประตูขึ้นนำง่ายๆ และชมความฉลาดของมาเน
แฟนบอล สเปอร์ส จำในสิ่งเดียวกัน แต่มองว่าจังหวะนั้นคือบอลทูแฮนด์ และ คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็จะมีแต่ความเสียดาย
แต่ที่แฟนบอลของทุกทีมในค่ำคืนนั้นจะต้องเก็บเอาไปเป็นภาพจำ ก็คือการที่มีผู้หญิงผมบลอนด์วิ่งใส่ชุดวาบหวิวลงมาในสนามพร้อมกับข้อความที่ต้องการสื่อ
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ กูเกิ้ลแทบระเบิดเมื่อเกิดการคลิ๊กหาชื่อว่านางคือใคร และ อิข้อความนั้นคืออะไร อันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และ สมใจฝ่ายลงมืออีกเช่นเคย
เหตุการณ์นี้อาจจะมีความน่าสนใจอยู่นิดนึงนั่นก็คือ ไม่ต้องเปลือยทั้งตัว แล้วยังเป็นการส่งเสริมกิจการภายในครัวเรือน เพราะนั่นคือการวิ่งโปรโมทเว็บไซท์ลามกของแฟนหนุ่มของนางนั่นเอง
สุดท้ายนี้ถ้ายังไม่มีการเพิ่มค่าปรับ หรือ ยังไม่มีการเพิ่มโทษเพื่อเพิ่มต้นทุนจนขาดทุน ความคุ้มทุน และตัวเลขรายได้ที่งดงามจากการจ้างคนพวกนี้จะยังคงเกิดขึ้นอีกเสมอ
ซึ่งก็อย่างที่มิสบอกแหล่ะค่ะว่าอะไรที่มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะขาดความเป็นธรรมชาติอันเป็นเสน่ห์ที่งดงามอย่างในอดีต
อะไรที่ดูจงใจ ยัดเยียด และแต่งแต้มด้วยการแอบแฝง มันจะเป็นสิ่งแปลกปลอมเสมอ
แต่ก็น่าแปลกที่คนดูอย่างเราจะยังคงทำตัวเป็นเหยื่อที่ดีของคนพวกนั้นเสมอ ได้แค่คิดแล้วก็สงสัยว่าทำไม้ทำไมโนะ
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม