Link Copied!

ชีวิตกุนซือไทยลีกแขวนอยู่บนเส้นด้าย พระเอก หรือ ผู้ร้าย ตัดสินท้ายฤดูกาล

ชีวิตคนพลิกผันในชั่วข้ามวันจริงๆ โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าโค้ชทีมฟุตบอล พอทีมชนะนำจ่าฝูง แฟนๆ แห่แซ่ซ้อง แต่พอแพ้ ก็ต้องกลับมารับก้อนอิฐ คนที่ต้องเผชิญอยู่ตอนนี้และอยู่ในข่ายอย่างน้อยๆ 4 คน ที่ชีวิตพลิกผันได้ในชั่วข้ามวัน เหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาที่ไม่รู้ว่าเข็มขัดนิรภัยนั้นปลอดภัยหรือไม่

“โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ

คนแรกที่ต้องอำลาสโมสรในไทยลีกไปแล้ว คือ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ ซึ่งคิ้วขมวดมาทุกนัด ได้แสดงความรับผิดชอบโดยขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าสตาฟโค้ช หลังจากพาเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งขึ้นมาโลดแล่นในลีกสูงสุดปีแรก จมอยู่รองบ๊วย 7 นัดมี 5 คะแนน จากผลงานชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 4 โดยโค้ชอั๋นลาออกทันทีหลังจากทีม “ช้างเผือก” บุกไปแพ้ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 0-2 นับเป็นการลาออกจากการทำทีม 2 สโมสรติดต่อกัน หลังซีซั่นก่อนเคยลาออกจากตำแหน่งกุนซือสุโขทัย เอฟซี มาแล้ว เนื่องจากไม่สามารถพาทีมหนีรอดการตกชั้นได้

อย่างไรก็ตามด้วยความที่ยังหนุ่มยังแน่นอายุเพียงแค่ 42 ปี และเคยฝากฝีมือไว้สมัยคุมทีมพัทยา ยูไนเต็ด นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ประธานสโมสรเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ยังเห็นถึงฝีมือและมีจิตใจที่ดีกับสโมสร จึงยังแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาสโมสร โดยสโมสรได้แต่งตั้ง ไอล์ตัน ซิลวา กุนซือแซมบ้าที่เคยพาสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้แชมป์ไทยลีก 2019 รับตำแหน่งแทน

“โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ

กุนซือชลบุรี เอฟซี ฉีกยิ้มกว้างหลังพาทีมถล่มขอนแก่น ยูไนเต็ด 7-0 ซึ่งเป็นเกมนัดที่ 4 ของฤดูกาล ทีมขึ้นไปนำจ่าฝูง ด้วยฟอร์มอันสุดยอดของทีม และนักเตะหลายรายทั้ง เดนนิส มูริลโล, กฤษดา กาแมน, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, จิดี คานยุค ได้รับคำชื่นชม ไม่แพ้ใคร ชนะ 2 เสมอ 2 โดยเสมอกับทีมยักษ์ทั้งเมืองทอง ยูไนเต็ด และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด

แต่คล้อยหลังไม่กี่วัน จากหล่อมากก็กลับกลายเป็นตัวร้ายเสียแล้ว หลังแพ้ 2 นัดติดต่อกัน โดยพ่ายคาบ้านต่อสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 2-3 และมาบุกเยือนแพ้โปลิศ เทโร อีก 0-2 ชีวิตพลิกผันใน 5 วัน

อย่างไรก็ตามเมื่อฉลามชลกลับมาเปิดบ้านเฉือนชนะสุพรรณบุรี เอฟซี 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประคองทีมอยู่ในหัวตารางอันดับ 4 ก็ดูเหมือนเสียงบ่นเริ่มจะลดลงไปอีกครั้ง ซึ่งฤดูกาลนี้โค้ชเตี้ยต้องแบกรับความกดดันมากกว่าเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เพราะบอร์ดบริหารได้เสริมผู้เล่นฝีเท้าดีมาร่วมทีมมากขึ้น และต้องทำให้ดีกว่าการจบที่ 12 เมื่อปีก่อน

โค้ชเตี้ยเข้าใจในชีวิตถึงฟอร์มช่วงขึ้นๆ ลงๆ รวมถึงช่วงที่โดนแฟนๆ ต่อว่า หลังแพ้มังกรโล่ห์เงิน ซึ่งท้ายเกมนั้นเขาส่ง ศรุฒ ณะศรี ผู้รักษาประตูสำรองส่วนสูง 195 เซนติเมตร ลงมาเล่นในตำแหน่ง “กองหน้า” โดยหวังใช้ความได้เปรียบจากรูปร่างที่สูงใหญ่ แต่เมื่อไม่มีผลลัพธ์ที่ดีออกมาก็ต้องรับสภาพ

“การพลาด 2 เกมติดให้กับสิงห์ เชียงราย และโปลิศ เทโร เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผมบอกแล้วว่าคุณภาพของทีมในไทยลีกไม่ต่างกันมาก เราก็ต้องมาทำการบ้านของเรา และดูคู่ต่อสู้ด้วยว่าพวกเขามีจุดแข็งอย่างไร พยายามปรับทัศนคติเพิ่มอีก เราต้องการให้เด็กเล่นได้ดีขึ้นอีก เหมือนว่าเรากำลังเล่นให้กับทีมใหญ่ และเพิ่มความเข้มข้นในเกมให้มากขึ้น”

“การแพ้ 2 เกมติดมันส่งผลกับทีมอยู่แล้ว แต่เราก็คุยกันตลอดว่าเราไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร นอกจากก้มหน้าก้มตาเพื่อคว้าชัยชนะกลับมา”

อย่างไรก็ดีหลังจากเอาชนะสุพรรณบุรีได้ในวันเกิดปีที่ 54 ของตัวเอง “โค้ชเตี้ย” ก็ได้เป่าเค้ก ยิ้มหัวเราะได้บ้าง

ออเรลิโอ วิดมาร์

หลังหวนกลับมารับตำแหน่งกุนซือบีจี ปทุม ยูไนเต็ดเป็นคำรบที่สอง ท่ามกลางความฉงนของแฟนบอลแห่งย่านคลอง 3 ว่า “รถเครื่องยังไม่พัง ไม่ควรรีบซ่อม” แม้จะมีผลงานอยู่บ้างในการพากระต่ายแก้วทะลุไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ตอนนี้กองเชียร์ “เดอะ บลูแมชชีน” บางรายรู้สึกคิดถึง “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน อดีตคนรักเก่าที่พาทีมได้แชมป์ปีก่อนขึ้นมาตะหงิดๆ

หลังเดินทางกลับมาจากเล่นถ้วยเอเชีย ฟอร์มของบีจีรูดไปอย่างน่าใจหาย คล้ายเบรกสะบัด คลัทช์เสีย หลังเอาชนะขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ใครก็ชนะ 2-1 พวกเขาแพ้รวด 2 นัด ต่อเชียงรายและเทโรแบบคาบ้าน โดนยิง 2 นัด เบ็ดเสร็จ 5 เม็ด ซึ่งอาจจะมีข้ออ้างได้ว่า ขาด 3 หัวใจของทีมคือ วิคเตอร์ คาร์โดโซ และ อันเดรส ตูเญซ ในแนวรับ ขาด ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ในแผนกกองหน้า ที่่ต่างเจ็บ แต่ผู้เล่นที่ลงสนามได้ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าทีมอื่น จนทำให้แฟนบอลชักสงสัยในแทคติก วิธีการเล่น การเลือกผู้เล่นลงสนามของกุนซือชาวออสซี่ขึ้นมาอีกครั้งว่า “ถูกต้องหรือไม่”

และด้วยความเครียดกดดันหลังแพ้ 2 นัดติด วิดมาร์เริ่มมีอาการอึดอัดหงุดหงิด ตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยสายตาดุๆ

ผู้สื่อข่าวถามตามปกติหลังบีจีพ่ายคาบ้านต่อโปลิศ เทโรถึง 0-3 ว่า “คิดว่าการที่ลงเตะสองแมตช์ล่าสุดแล้วไม่ได้แต้มเกิดจากอะไร”

กุนซือแดนจิงโจ้สวนกลับว่า “คุณได้ดู 2 เกมล่าสุดไหม” ก่อนจะเริ่มใจเย็นลงและตอบว่า “เราครองบอลได้ คอนโทรลเกมได้ มีโอกาสยิงประตูแล้วแต่ทำไม่ได้ แม้เราจะเล่นกันเป็นทีม แต่การขาด 3 ตัวหลักต่างชาติก็ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเรา เราพยายามเชื่อมั่นกันในทีม การแพ้ 2 นัดไม่ใช่ผลที่ต้องการ แต่ก็ต้องยอมรับ ต้องเรียนรู้และมองไปข้างหน้า”

ขณะที่อีกคนซึ่งอยู่ในข่ายเก้าอี้ร้อนคือ คาร์ลอส เอดูอาร์โด ที่กดดันหนัก หลังพาขอนแก่น ยูไนเต็ด จมบ๊วย จนมีการระเบิดอารมณ์บนเส้นทัชไลน์กับ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น มาแล้ว

ทั้งหมดคือสถานการณ์ล่าสุดของผู้ประกอบอาชีพ “กุนซือ” ในไทยลีก ชะตาขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันว่าสุดท้ายแล้วในตอนอวสานคุณจะได้รับบทเป็นพระเอกหรือผู้ร้าย แต่บางคนก็เลือกบอกลาไปก่อน เพราะอาจจะรู้แล้วว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares