จบไปแล้วสำหรับศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 ทีมชาติไทยผงาดคว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 6 มากที่สุดในการแข่งขันรายการนี้ พร้อมสถิติ ชนะ 6 เสมอ 2 ยิง 18 ประตู เสีย 3 ประตู แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวไทย แต่ก็มีหลายคนแอบคิดอยู่บ้างว่า ถ้านักเตะรุ่นพี่เริ่มโรยราไปแล้วนักเตะดาวรุ่งคนไหนจะขึ้นมาเป็นกำลังหลักบ้าง สำหรับผมมีคนฟอร์มแจ่มอยู่หลายคน และอีกหลายคนที่ต้องขัดเกลาให้มาเป็นกำลังหลักทัพช้างศึกให้จงได้ สำหรับคนที่น่าจับตามอง ได้แก่
1. สุภโชค สารชาติ อายุ 23 ปี
สำหรับ “เจ้าเช็ค” ผมให้เป็นอันดับ 1 ของดาวรุ่งในใจเลยก็ว่าได้ สุภโชค สารชาติ ถือเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมากในศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 เนื่องจากเหตุผลที่เขาได้ลงเล่นหลายนัดในการแข่งขันครั้งนี้ ส่วนอะไรที่ทำให้โค้ช มาโน โพลกิง เลือกใช้อยู่บ่อยครั้ง ถ้าจะให้คาดเดา ผมมองว่าสุภโชคเป็นนักเตะที่มีคุณภาพสร้างความแตกต่างให้กับเกมได้ เขามีเซนส์บอลที่ดีจ่ายบอลให้ได้ลุ้นอยู่เสมอ หลายครั้งเขาพาบอลขึ้นหน้าสร้างโอกาสให้กับทีม รวมไปถึงเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดีทั้งที่มีเวลาซ้อมไม่นานมากนัก และเขายังมีพละกำลังร่างกายที่สมบรูณ์ จึงไม่แปลกที่เห็นเขาลงสนามบ่อยครั้งทั้งที่กองกลางคนอื่นยังต้องสลับเปลี่ยนเพื่อรักษาความสดใหม่
2. ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร อายุ 21 ปี
กองกลางจากทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ตอนนี้หลายคนยอมรับแล้วว่าเขาคือนักเตะที่คุณภาพคับแก้วจริงๆ “เจ้ากัน” ถือเป็นนักเตะที่โค้ช มาโน โพลกิง จัดอยู่ในชุดทีมหลักเลยก็ว่าได้ นัดไหนคือเกมที่ไทยทุ่มสุดตัว นัดนั้นต้องเห็น ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร แน่นอนต้องยอมรับเลยว่า โค้ช มาโน โพลกิง วางแผนมาเป็นอย่างดีและจัดแดนกลางตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น และทุกคนโชว์ศักยภาพได้เต็มที่ ขนาดน้องเล็กที่ประสบการณ์ทีมชาติน้อยที่สุดก็ยังโดดเด่นเหมือนกัน ธนวัฒน์มีความเป็นมืออาชีพทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตัวเอง ก้มหน้าก้มตาวิ่งต่อแม้จะมีคู่แข่งยั่วก็ตาม เขาเป็นนักเตะที่ดูออกว่าฝึกมาดี เข้าใจเกมกับรุ่นพี่ รู้ว่าจังหวะไหนต้องยิง จังหวะไหนต้องจ่าย รวมทั้งมีจังหวะส่องยิงไกล และเขาก็ยิงได้ดีแม้จะยังไม่เกิดประตูก็ตาม
3. กฤษดา กาแมน อายุ 22 ปี
กองหลังจอมแกร่งที่ฟังอายุแล้วหลายคนไม่อยากจะเชื่อ กฤษดา กาแมน คือนักเตะสารพัดประโยชน์มากๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะลงเล่นตำแหน่งไหนเขาก็ทำได้ดี เดิมที “เจ้าและห์” มักจะทำหน้าที่เป็นกองกลางให้กับต้นสังกัดอย่างทีมชลบุรี เอฟซี แม้เจ้าตัวมีโอกาสได้ไปเล่นตำแหน่งอื่นบ้าง แต่บ่อยครั้งมักจะเป็นกองหลัง แน่นอนครับด้วยสถานการณ์ทีมชาติไทยก่อนศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 มีกองหลังบางคนถอนตัวไป ตอนนั้นยอมรับว่าน่าเป็นห่วงสำหรับแดนหลังของเรา แต่เมื่อศึกฟุตบอลได้บรรเลงขึ้น โค้ช มาโน โพลกิง ก็เลือกใช้เจ้าและห์ยืนประจำการแนวหลัง แล้วเขาก็ทำให้แฟนบอลไทยประทับใจหลังผ่านไปหลายนัด หลายเพจฟุตบอลต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวครับว่านี่คือตัวจริง เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอมเยี่ยมทุกครั้งที่ลงสนาม ทั้งปฏิกิริยาว่องไว สามารถสกัดได้ทันท่วงที ทั้งการจ่ายบอลที่แม่นยำ แถมสร้างสรรค์ทำเกมให้ทีมได้เปรียบคู่แข่งอีกด้วย
4. วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ อายุ 24 ปี
เขาคือนักเตะที่ฟอร์มดีของทีมชลบุรี เอฟซี มาตั้งแต่ช่วงเลกแรกของศึก รีโว่ ไทยลีก จึงเป็นไปตามคาดที่โค้ช มาโน โพลกิง จะต้องเรียกติดทัพช้างศึก แม้ในศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 จะได้เห็น “เจ้ายิม” ไม่บ่อยเท่าคนก่อนๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ถ้าสังเกตดีๆ เขาก็ลงอย่างสม่ำเสมอ และส่วนมากจะถูกส่งลงมาเพื่อเปลี่ยนเกม แม้มีเวลาน้อยที่จะได้เห็นเขาโลดแล่นในสนาม แต่เจ้ายิมก็ถือว่าทำได้อย่างคุ้มค่าและไม่เสียเปล่า แถมยังยิงได้อีกจากการสัมผัสบอลไม่กี่ครั้ง ทั้งยังทำความเข้าใจเกมได้อย่างรวดเร็ว มีการจ่ายบอลที่เฉียบคม มีส่วนช่วยเสริมเกมรุกทีมชาติไทยให้น่ากลัวมากขึ้น เห็นได้ว่าหลายเกมที่เขาเพิ่งลงสนามจะมีจังหวะจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู และทำประตูเองได้ด้วย
ผมคิดว่านักเตะเหล่านี้และอีกหลายคนที่ยังไม่ได้พูดถึง จะเป็นกำลังหลักให้ทีมชาติไทยในอนาคตอย่างแน่นอน เชื่อว่าทัพช้างศึกของเราจะกลายเป็นทีมที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่ง และตระเวนคว้าถ้วยมาให้คนไทยร่วมยินดีกัน หากเรามีเหล่านักเตะดาวรุ่งที่มีคุณภาพ ทีมชาติไทยจะพัฒนาได้ไม่ยากครับ
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม
