เกมบิ๊กแมตช์ รีโว่ ไทยลีก ระหว่าง “สิงห์เจ้าท่า” ปะทะ “กิเลนผยอง” ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 19.00 น. จะไม่มีแฟนบอลทีมเยือนเข้าชมใน แพท สเตเดียม เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งและทะเลาะวิวาท
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2553 ทั้งคู่โคจรมาพบกันในศึกชิงถ้วยพระราชทาน ก ที่สนามศุภชลาศัย โดยหลังจากที่ เมืองทอง ได้ประตูนำ 2-0 ในนาที 81 แฟนบอล การท่าเรือ (บางคน) ไม่พอใจการตัดสิน ได้ขว้างปาขวดน้ำลงสนาม และมีการตะโกนข้ามฝั่งท้าทายกันไปมา ก่อนจะมีการพังรั้วและเข้าถึงตัวจนเกิดการปะทะกัน กลายเป็นจราจลย่อม ๆ มีแฟนบอลทั้งสองทีมได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้มากมายที่เกิดจากการกระทำของคนไม่กี่คนที่ทำให้คนอื่น ๆ เดือดร้อน
เหตุการณ์นี้ สมาคมฟุตบอลฯ ได้ลงโทษ การท่าเรือ ด้วยการปรับเงิน 131,750 บาท, ห้ามเล่นในบ้าน 3 นัด, แบนแฟนบอล 10 ราย ห้ามเข้าสนาม 1 ปี, แบนเฮดโค้ช สะสม พบประเสริฐ 3 นัด, แบนนักเตะ พงษ์พิพัฒน์ คำนวน 3 นัด ส่วนเมืองทอง แบนเฮดโค้ช เรเน เดอซาเยียร์ 3 นัดเช่นกัน
นี่คือครั้งแรกที่ทั้งคู่เกิดความบาดหมางกัน แต่มีบางคนที่ทำตัวเป็นอันธพาลได้ตั้งธงว่าจะต้องมีการเอาคืน จึงเป็นสาเหตุให้การวิวาทกันของแฟนบอลทั้ง 2 ฝ่าย เกิดขึ้นตามมาอีก จากกลุ่มคนหน้าเดิม ๆ
กระทั่งวันที่ 18 ต.ค. 2557 ในศึก ไทยพรีเมียร์ลีก เมืองทอง เปิดบ้านต้อนรับ การท่าเรือ ผลการแข่งขันปรากฎว่า “กิเลนผยอง” ชนะไป 3-1 แต่ทว่า “บอลจบ คนไม่จบ” เมื่อหลังจบเกม มีแฟนบอลไม่กี่คนได้ก่อเหตุวิวาทบริเวณนอกสนามเอสซีจี ซึ่งสุดท้ายเหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเหมือนเช่นเคย
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ สมาคมฯ ได้พิจารณาบทลงโทษที่หนักกว่าเดิม โดยตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาทวินัยและข้อประท้วงขึ้นมาเพื่อพิจารณาโทษทั้ง 2 ทีม ซึ่งผลการพิจารณาฯ มีมติตัดแต้มทั้ง 2 ทีม ทีมละ 9 คะแนน, ปรับเงินทีมละ 3 แสนบาท และแบนแฟนบอลทั้ง 2 ทีมห้ามเข้าสนาม 3 นัด
ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมการฯ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า หากทั้ง 2 ทีมยังคงก่อเหตุซ้ำอีก จะถูกลงโทษขั้นสุงสุดคือ ลดดิวิชั่น หรือ เพิกถอนใบอนุญาตเข้าร่วมแข่งขันลีกอาชีพของประเทศ
แต่แล้วก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2559 ในศึกโตโยต้า ลีก คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อแฟนบอลทั้งสองทีมตีกันนอกสนาม หลังเกมที่เสมอกัน 1-1 รวมผลสองนัด เมืองทองชนะ 3-2 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้แฟนบอลได้รับบาดเจ็บกันหลายคน
นับตั้งแต่นั้นมา ผู้บริหารทั้งสองทีมจึงหาข้อตกลงร่วมกันว่า ทีมใดเป็นทีมเยือนจะไม่อนุญาตให้แฟนบอลตามมาเชียร์ที่สนาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีกจนถึงปัจจุบัน