วันนี้เมื่อปี 2014
เวย์น รูนีย์ ว่าที่อดีตดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ ยิงให้ทีมชาติสิงโตสามตัวกับหนึ่งดาวไปทั้งหมด 53 ประตู
รูนีย์ เคยเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษทั้งในยุคที่อังกฤษมี คลาส ออฟ 92 , ลิเวอร์พูล-เชลซีคอนเนคชั่น และ ยังอยู่ในชุด Golden generation ที่แฟนบอลหวังเอาไว้มากที่สุดว่าจะประสบความสําเร็จในรายการใหญ่ได้แล้ว รวมทั้งยังอยู่ในยุคสิงโตเกรดบีอีกด้วย
แต่ใครจะไปเชื่อว่าประตูที่ รูนีย์ ยิงใส่ทีมชาติอุรุกวัยในแมตช์ที่แพ้ 1-2 จนทำให้ตกรอบแบ่งกลุ่มเวิลด์คัพ 2014 จะเป็นเพียงประตูเดียวโดดๆ ที่ตำนานชาวอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่านั้น
รูนีย์ ดังมาจาก 4 ประตูในยูโร 2004 แต่กับเวิลด์คัพ 2006, 2010 เขาไม่สามารถยิงประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ส่วนในฟุตบอลยูโรทั้งหมด 4 ครั้ง มีเพียงแค่ยูโร 2008 ที่ไม่ได้มายิง และ ยิงรวมในรายการนี้ไปทั้งหมด 6 ประตู อันเป็นสถิติสูงสุดของทีมชาติอังกฤษ
::
ฟาบิโอ คาเปลโล เคยพูดพาดพิงถึง รูนีย์ ว่าน่าจะเหมาะกับโค้ชที่ใข้สำเนียงอังกฤษแบบสก็อตติชมากกว่า เพราะเขาจะเล่นดีได้ก็ต่อเมื่อมีโค้ชที่ชื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เท่านั้น
รวมทั้ง ดอน คาเปลโล ยังคงพูดเหมือนที่นักวิจารณ์ทั้งโลกเคยวิเคราะห์ว่า ด้วยตารางแข่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ของลีกอังกฤษ ผู้เล่นทุกคนจึงต้องมาเล่นรายการทีมชาติระดับเมเจอร์ด้วยสภาพร่างกายราวกับเป็นหมี่กรอบทั้งกาย และ ใจ เกือบยกทีม
สำหรับ รูนีย์ ผลงานในระดับชาติของเขายิ่งถูกเปรียบเทียบหนักมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ต้องไปเทียบกับ 2 GOATs ที่โตมาพร้อมๆ กันอย่าง เมสซี กับ โรนัลโด
เพราะแค่นำไปเทียบกับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นผู้ยิงทั้ง 2 ประตูในแมตช์นั้น ก็ยิ่งทำให้ผลงานโดยรวมในทีมชาติของ รูนีย์ ยิ่งดูด้อยลงไป
เพราะดาวยิงลิเวอร์พูลยิงได้มากถึง 7 ประตู จากเวิลด์คัพถึง 3 สมัย ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนประตูในรายการโคปาอเมริกาอีก ซัวเรซ จึงยิงได้มาก 14 ประตู พร้อมกับพาทีมเป็นแชมป์หนึ่งสมัย และ มีส่วนสำคัญที่ช่วยพาอุรุกวัยคว้าอันดับสี่จากเวิลด์คัพ 2010 อีกด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเข้าใจว่า นอกจากตำแหน่งการเล่นของ รูนีย์ หรือ สไตล์การเล่นของทีมชาติอังกฤษในยุคผู้จัดการทีมอย่าง อีริคสัน, คาเปลโล, แมคคลาเรน, ฮอดจ์สัน ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงยิงได้ไม่มากเท่าที่ควร
ซึ่งก็คล้ายกับตอนที่รับบทบาทกองหน้าคนที่สอง หรือ หน่วยสนับสนุนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สถิติการยิงประตูของเขาก็ไม่ได้มากมายจนฮือฮามากนัก
อาการบาดเจ็บ และ การใช้สภาพร่างกายนอกสนามของเขาคือส่วนสำคัญของผลงานที่หลายคนวิเคราะห์เอาไว้
ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งทำให้ผู้เขียน และ อีกหลายคนรู้สึกเสียดายพรสวรรค์ที่เคยก้าวเดินเคียงข้างไปกับสองอภิมหานักเตะในช่วงเริ่มต้นอาชีพจริงๆ
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม