ผู้คนในสังคมถกเถียงกันใหญ่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะเกมเทนนิสนี้กันแน่ ระหว่าง บ็อบบี ริกส์ ชายอดีตแชมป์หลายสมัยวัยใกล้เกษียณ หรือ บิลลี จีน คิง หญิงเดี่ยวมือหนึ่งคนล่าสุด
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ บิลลี จีน คิง ผู้คนในยุคต้น 70s เป็นต้องร้องอ๋อ ด้วยเธอเป็นนักเทนนิสหญิงอเมริกันอันดับหนึ่งของวงการ เป็นแชมป์แกรนด์สแลม 39 รายการ หญิงเดี่ยว 12 หญิงคู่ 16 และคู่ผสมอีก 11 ครั้ง ทั้งยังเป็นกัปตันทีมหญิงของสหรัฐอเมริกาในรายการเฟเดอเรชันคัพ และนักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกปี 1972
ทว่า บ็อบบี ริกส์ กลับออกมาบอกว่าเธอสู้เขาไม่ได้หรอก
บ็อบบี ริกส์ อดีตนักเทนนิสชายมือหนึ่งของโลก 3 หน ปี 1939 นับเป็นปีทองของเขาจริงๆ ได้เข้าชิงเฟรนช์ แชมเปียนชิพส์ (ชื่อเดิมของเฟรนช์ โอเพ่น) ได้แชมป์ชายเดี่ยววิมเบิลดัน และคว้าแชมป์ 3 หมวด ในรายการยูเอสเนชันแนล แชมเปียนชิพส์ (ชื่อเดิมของยูเอส โอเพ่น) ทั้งชายเดี่ยว ชายคู่ และคู่ผสม เขายังครองสถิตินี้หนึ่งเดียวในโลก
หลังเลิกเล่นเทนนิสอาชีพ บ็อบบี (สตีฟ คาร์เรล) ติดพนันงอมแงม ถึงจะได้มากกว่าเสียอยู่ ก็ยังโดนภรรยาบ่นไม่เว้นวัน ล่าสุดเพิ่งชนะพนัน ได้รถยนต์โรลส์-รอยซ์คันงามมา แต่ก็ยังไม่วายโดนไล่ออกจากบ้าน บ็อบบียอมเข้ากลุ่มบำบัดคนติดพนัน กลับไปชวนเหล่าผีพนันที่นั่นเล่นต่อ ไปปรึกษาจิตแพทย์ก็ชวนหมอเล่นโป๊กเกอร์อีก ในที่สุดภรรยาถึงกับต้องขอหย่า
ณ ช่วงเวลานั้นค่าตอบแทนและเงินรางวัลของประเภทชายมากกว่าประเภทหญิงถึง 8 เท่าตัว ทั้งๆ ที่ตั๋วเข้าชมก็ขายราคาเท่ากัน แจ็ค เครเมอร์ (บิล พูลแมน) อดีตนักเทนนิสชายอันดับ 1 ยุค 40s ที่ผันตัวมาเป็นประธานจัดการแข่งขันชื่อดังให้เหตุผลว่า ผู้ชายแข็งแรงกว่า ว่องไวกว่า พลังการแข่งขันก็สูงกว่า ทั้งรับมือความกดดันได้ดีกว่าด้วย ก็เลยดึงดูดคนดูและสปอนเซอร์ได้มากกว่า
หลังโดนกีดกันชัดเจน บิลลี จีน คิง (เอ็มมา สโตน) กับ แกลดิส เฮลด์แมน เจ้าของนิตยสาร “เวิลด์เทนนิส” จึงยื่นคำขาดกับแจ็คว่าจะจัดรายการแข่งกันเอง ได้ยอดนักกีฬาหญิงอีก 9 คนมาสมทบ เซ็นสัญญามูลค่า 1 ดอลลาร์ร่วมแข่งขัน “เวอร์จิเนีย สลิม แชมเปี้ยนชิพ” ที่เมืองซานดิเอโก ได้บริษัทบุหรี่เป็นผู้สนับสนุนหลัก แถมมาได้ มาร์กาเร็ต คอร์ท อดีตมือหนึ่งของโลกหลายปีก่อน คู่ปรับสำคัญของบิลลี จีนมาร่วมทัวร์ฯ ด้วยในนาทีสุดท้าย
แจ็ครู้สึกเสียหน้ามาก จึงใช้อำนาจผ่านลอนเทนนิสสมาคมสั่งแบนและถอนสมาชิกภาพของสาวๆ นักเทนนิส พวกเธอจะอดลงแข่งรายการวิมเบิลดันและแกรนด์สแลม แต่โดนบิลลี จีนตอกกลับว่า ถ้าไม่มีนักเทนนิสชั้นยอดร่วมแข่ง มันจะยังเรียกว่า “แกรนด์” ได้อีกหรือ…
แกลดิสจ้าง คัธเบิร์ต “เท็ด” ทินลิง ดีไซเนอร์ชื่อดังมาช่วยเป็นสไตลิสต์ เติมสีสันชุดแข่งให้ร้อนแรง แล้วพาสาวๆ ทุกคนไปเสริมความงามก่อนออกเดินทาง ระหว่างซอยผมทรงใหม่ มาริลีน ช่างทำผมคนสวยปิ๊งปั๊งกับบิลลี จีนเข้าอย่างจัง
กลางดึกคืนหนึ่งบิลลี จีนพลอดรักกับมาริลีนอยู่ บ็อบบีโทรเข้ามาหาเพื่อขอท้าแข่งเทนนิสชิงรางวัล 35,000 เหรียญ จะเล่น 3 หรือ 5 เซตก็ได้ อยากจะใช้ชื่อรายการแค่ “ชายกับหญิง” หรือ “ชายผู้กดขี่ผู้หญิงกับเฟมินิสต์ขนหน้าแข้งยาว” ก็เลือกเอา บิลลี จีนบอกปัดแล้ววางสายไปดื้อๆ
เขาเลยหันไปท้า มาร์กาเร็ต คอร์ท มือสองสหรัฐคนปัจจุบันแทน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องชนะบิลลี จีนในงานล่าสุดนี้ให้ได้เสียก่อน เธอคิดว่าถ้าเรื่องความสัมพันธ์หญิง-หญิงของบิลลี จีนเผยออกมา สปอนเซอร์คงถอนตัวแน่นอน ทั้งเงินรางวัลที่บ็อบบีเสนอมาก็ไม่ใช่น้อยๆ มาร์กาเร็ตจึงตอบรับคำท้าเอาไว้
วันก่อนรอบชิงชนะเลิศ ลาร์รี คิง สามีบิลลี จีนมาถึงโรงแรมเร็ว เลยรู้ความจริงเรื่องสาวชู้รักของภรรยาเข้า เขาหงุดหงิดไม่น้อยเลย แต่ก็เข้าใจดี ลาร์รียังบอกกับมาริลีนด้วยว่า ทั้งเขาและเธอต่างก็แค่ตัวประกอบชั่วคราว บิลลี จีนเทใจไปให้เทนนิสหมดแล้ว และขอให้ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ มิฉะนั้นมันจะทำลายเส้นทางอาชีพบิลลี จีนจนจบเห่ได้ วันรุ่งขึ้นบิลลี จีนลงสนามสู้กับมาร์กาเร็ต เธอมัววิตกเรื่องเมื่อวานนี้จนไม่มีสมาธิเอาเสียเลย มือหนึ่งพ่ายมือสองไปอย่างพลิกล็อก มาร์กาเร็ตได้สิทธิ์สู้กับบ็อบบีเรียบร้อย พอถึงวันจริงซึ่งตรงกับวันแม่พอดี มาร์กาเร็ตต้องแพ้บ็อบบีไปอย่างขาดลอย บ็อบบีได้โอกาสคุยโวทับถมผู้หญิงทั่วไปอีกต่างหาก คนข่าวตั้งฉายาให้แมตช์นี้ว่า “เหยื่อสังหารวันแม่” (Mother’s Day Massacre)
บิลลี จีนนั่งชมการแข่งขันทางโทรทัศน์กับเพื่อนนักเทนนิสหญิงหลายคน เธอทนไม่ไหวที่บ็อบบีดูถูกเพศแม่ขนาดนี้ ตกดึกเธอตัดสินใจตอบรับคำท้าของบ็อบบี หวังว่าจะปราบให้ราบคาบ เขาจะได้หุบปากสนิทเสียที บ็อบบีเดินสายโปรโมทกับสื่อนับไม่ถ้วน ใส่กิจกรรมเทนนิสบ๊องส์ๆ เข้าไป เรียกความสนใจจากสังคมได้มากมาย และหมกมุ่นกับวิตามินบำรุงร่างกายไปพร้อมๆ กันด้วย ขณะที่บิลลี จีนโหมฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น จนความเครียดมาเคาะประตู ร่างกายอ่อนล้า จิตใจอ่อนโรย จนถึงกับจับไข้ แกลดิสแนะนำเพื่อนรักว่าควรพักผ่อนเสียบ้าง
ผู้คนในสังคมถกเถียงกันใหญ่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่ ชายอดีตแชมป์วัยใกล้เกษียณ หรือหญิงเดี่ยวมือหนึ่งคนปัจจุบัน คนเชียร์บ็อบบีก็ไม่น้อย แต่ผู้หญิงเกือบทั้งร้อยเชียร์บิลลี จีนสุดตัว แม้ว่าจะหวั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าอาจต้องแพ้ผู้ชาย …ตอนนี้ไม่ใช่แค่แฟนเทนนิสเท่านั้นที่ตั้งตารอแมตช์สำคัญนี้
20 กันยายน 1973 ณ สนามฮูสตันแอสโตรโดม รัฐเท็กซัส มีผู้เข้าชมมากเป็นประวัติการณ์ถึง 30,472 คน ครองสถิติคนดูเทนนิสในสนามมากที่สุดในอเมริกาจนถึงปี 2012 เรตติ้งผู้ชมถ่ายทอดทางทีวีทั่วสหรัฐพุ่งสูงถึง 50 ล้านคน และทั่วโลกอีกกว่า 90 ล้านคน เพื่อนๆ ทีมบิลลี จีนมาดูเกมที่สนามกันพร้อมหน้า บ็อบบีสวมแจ็กเกตของบริษัทอมยิ้ม “ชูการ์ แดดดี้” ทั้งยังถืออมยิ้มยักษ์มามอบให้บิลลี จีน ส่วนบิลลี จีนเตรียมลูกหมูจ้ำม่ำไว้ตอบแทนเขา เรียกเสียงฮือฮาได้ก้องโดม (ชายที่กดขี่ผู้หญิงใช้สำนวนในภาษาอังกฤษว่า male chauvinist pig)
บ็อบบีออกนำในช่วงต้น แต่บิลลี จีนก็ใช้ความแข็งแกร่งไล่ตามมาอย่างอดทนและออกนำจนได้ บังคับให้บ็อบบีที่เพลี่ยงพล้ำไปหลายลูกถึงกับร้อนรุ่มใจ หลังเสียเซตก็ต้องถอดแจ็กเกตออก ยิ่งเกมยืดเยื้อเท่าไหร่บ็อบบียิ่งเสียเปรียบเท่านั้น และต้องเป็นฝ่ายพ่ายไปอย่างหมดท่า 3 เซตรวด เมื่อจบเกมนักกีฬาจับมือกันแล้ว บ็อบบีรูดซิปปิดปาก เดินคอตกจากไปแบบเหงาๆ
…หมู่ผู้ชายที่เคยดูถูกผู้หญิงเอาไว้ก็คงอาการไม่ต่างกัน
บิลลี จีนกลับเข้าห้องแต่งตัว นั่งน้ำตานองด้วยความปลื้มปีติอยู่คนเดียว ตั้งสติได้ก็เดินออกมา เท็ดเข้ามากอดและบอกเพื่อนสาวว่า “ยุคสมัยเปลี่ยนไป เธอเปลี่ยนมันได้สำเร็จแล้ว ต่อไปเราคงอิสระพอที่จะเป็นแบบที่เราเป็น รักใครก็ได้ที่เรารัก แต่ตอนนี้ออกไปฉลองกันเถอะ” บิลลี จีนเดินเข้าไปรวมกับฝูงชนที่กลางสนาม
ไม่ว่าบ็อบบีจะพ่นอะไรไว้มากมาย แต่พอเขาเป็นผู้แพ้ คำทั้งหลายก็กลายเป็นไร้น้ำหนัก ไม่เหลือคุณค่าใดๆ บิลลี จีนที่เงียบกริบมาตลอด ตอนนี้ถึงเวลาของผู้ชนะเสียที ทุกคนพร้อมเงี่ยหูฟังเธออย่างตั้งใจ “ฉันไม่ได้บอกว่าผู้หญิงเก่งกว่า ไม่เคยพูดเลย ฉันบอกแค่ว่าเราผู้หญิงสมควรได้รับความเคารพกันบ้าง” ใจความนี้ถูกส่งต่อไปสู่คนอีกหลายรุ่น ค่านิยมเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตามความเท่าเทียมทางเพศก็ยังไม่สมบูรณ์เสียที
จะว่าไปรายการ “เดอะแบทเทิลออฟเดอะเซ็กเซส” ได้ส่วนผสมชั้นดีคละเคล้ากันลงตัว ชายนักพนัน อารมณ์ขันแพรวพราว ปากร้ายไม่เบา ที่เชื่อว่าชีวิตคือการเดิมพัน กับสาวเฟมินิสต์ที่เพิ่งค้นพบตัวเอง ปากดีไม่แพ้ใคร ที่เชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ละฝ่ายมีทีมคอยสนับสนุน เสริมกำลังใจ เติมสีสันสวยงามให้ในรายละเอียด โดยที่ทั้งสองใช้กีฬาเทนนิสเป็นสื่อกลาง
บิลลี จีนอยากป่าวประกาศเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศในวงการเทนนิส บ็อบบีที่ดูน่าหมั่นไส้ ช่วยเติมรสเผ็ดร้อนจนประเด็นนี้ดูเฉิดฉายกว่าเดิม เป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ สร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนขยายวงกว้างออกไปนอกเหนือจากกีฬาไปสู่ชีวิตประจำวันของทุกๆ คน
ผลลัพธ์เชิงประจักษ์คือรายการโชว์ทางทีวีถ่ายทอดสดทางช่องหลักที่มูลค่าสูงลิบลิ่ว ก่อนแข่งโหมโรงด้วยการแสดงต่างๆ โยธวาทิตวงใหญ่บรรเลงเพลงเปิด เงินรางวัลขยับขึ้นไปที่ 100,000 ดอลลาร์ ผู้จัดเชิดชูบิลลี จีนอย่างสมเกียรติ ชนิดที่ มาร์กาเร็ต คอร์ท เห็นแล้วต้องค้อนขวับด้วยความน้อยใจ
ชายหญิงชูโรงทั้งสองเป็นมืออาชีพของแท้ แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดี ที่หน้ากล้องก็ทำหน้าที่เอนเตอร์เทนคนดู ได้พูดสิ่งที่อยากพูดออกมา ผลักดันให้สังคมพัฒนาความคิดขึ้น บนคอร์ทเทนนิสก็เป็นนักกีฬาตัวจริง เค้นศักยภาพของตนออกมาจนหมด เร้าใจผู้ติดตามได้สมกับการรอคอย เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลัง และที่หลังกล้องก็เป็นเพื่อนร่วมวงการ ร่วมธุรกิจ ให้เกียรติกันและกันเสมอมา
บ็อบบีกับบิลลี จีนได้ชื่อเสียงไปแน่นอน วงการเทนนิสก็ได้ถูกกล่าวขวัญถึง ช่องโทรทัศน์ได้เนื้อหาแปลกใหม่ คนดูรับความบันเทิงไป บริษัทสินค้าได้ขายของ สังคมได้ตระหนักถึงเรื่องการอยู่ร่วมกันในวันพรุ่ง เห็นชัดเจนว่าสมประโยชน์กันทุกคนทุกฝ่าย รายการชั้นดีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เลย
หลังแมตช์ “เดอะแบทเทิลออฟเดอะเซ็กเซส” จบไป ปีนั้นรายการยูเอส โอเพ่นปรับปรุงตัวเลขค่าตอบแทนและเงินรางวัลให้เท่ากันทั้งประเภทชายและหญิง นักกีฬาหญิงทุ่มเทฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาตนอย่างเอาจริงเอาจังกว่าเก่า …หลายปีต่อมาบิลลี จีนหย่ากับลาร์รี มาคบหากับ อิลานา คลอสส์ เมื่อลาร์รีแต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ บิลลี จีนกับอิลานาก็เป็นแม่ทูนหัวให้ลูกๆ ของเขา ทุกวันนี้เธอกลายมาเป็นกำลังหลักของกลุ่มเรียกร้องสิทธิ LGBTQ
ส่วนบ็อบบีกลับไปแต่งงานกับภรรยาเก่าอีกรอบ และไม่เคยเลิกเล่นพนัน บิลลี จีนยังพูดคุยไปมาหาสู่เขาตามประสาเพื่อนสนิทอย่างต่อเนื่อง จวบจนวันที่เขาเสียชีวิตเมื่อ 17 ตุลาคม 1995
ถ้า บิลลี จีน คิง ไม่ชนะ บ็อบบี ริกส์ ในวันนั้น วงการเทนนิสหญิงอาจจะต้องถอยหลังไปอีกไกล ผู้ชายออกไปทำงาน ผู้หญิงต้องเฝ้าเรือน ต้องอยู่ในครัว สตรีอาจยังคงถูกมองว่าด้อยกว่าบุรุษ และไม่ได้รับการเคารพสิทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น
หนังเรื่องนี้อ้างอิงจากเหตุการณ์จริง
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม