TIMEOUTSeabiscuit (2003) ชุมชนคนชอกช้ำ หนังฟอร์มเล็กที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงของการเดินทางสู่ชัยชนะของม้านอกสายตาอย่างเจ้า Seabiscuit
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์
ปี 1929 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วอเมริกา และประเทศต่างๆ ทั่วโลก
จ๊อกกี้ : จอห์น “เรด” โพลลาร์ด (โทบี แมกไกวร์)
ผู้ชายตัวเล็กๆ ผู้มีพรสวรรค์ในการขี่ม้า และรักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยพ่อแม่เขาปลูกฝังนิสัยนี้เอาไว้ให้ เขาจดจำวรรคทองในวรรณกรรมคลาสสิกหลากหลายได้ขึ้นใจ ถึงช่วงเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง ครอบครัวจึงพาเรดไปฝากฝังไว้กับธุรกิจคอกม้า ทิ้งเขาไว้กับหนังสือชั้นดีหลายเล่ม จากนั้นมาเขาไม่เคยได้พบหน้าครอบครัวอีกเลย
กิจวัตรของเรดคือจูงม้าเดินวนเพื่อออกกำลังกายเบาๆ ขี่ม้าวิ่งเหยาะๆ ดูแลความสะอาด และงานจิปาถะอื่นๆ เขาได้ค่าแรงระดับต่ำสุด จึงต้องหาลำไพ่พิเศษเป็นนักมวยเถื่อนไปด้วย ทั้งๆ ที่ตามองเห็นแค่ข้างเดียว ต่อมาเขาระหกระเหินไปถึงเม็กซิโก ใช้ชีวิตไร้จุดหมาย จนได้เจอกับ จอร์จ วูล์ฟ จ๊อกกี้ชื่อดัง ทั้งสองคุยกันถูกคอเพราะจอร์จติดใจหนังสือเล่มเดียวกัน
คนฝึกม้า : ทอม สมิธ (คริส คูเปอร์)
ทอมเป็นชาวเหมืองผู้ใช้ชีวิตบนหลังม้า ร่อนเร่ไปในดินแดนตะวันตก จนยุคตื่นทองจางหายไป มารู้ตัวอีกทีโลกได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทอมกลายเป็นคนตกยุคไปโดยไม่รู้ตัว เขาไม่มีสมบัติอะไรนอกจากความรู้เรื่องดูแลม้าติดตัวอยู่บ้าง วันหนึ่งเขาขอชีวิตม้าแข่งพิการที่กำลังจะโดนยิงตาย นำมาเลี้ยงดูรักษาพยาบาลจนมันกลับมามีชีวิตชีวา วิ่งได้ปร๋ออีกครั้ง แม้จะลงแข่งไม่ไหวแล้วก็ตาม
เจ้าของม้า: ชาร์ลส์ เอส. ฮาเวิร์ด (เจฟฟ์ บริดเจส)
ชาร์ลส์ผละจากงานโรงงานในนิวยอร์ก ย้ายถิ่นข้ามฟากประเทศมาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดร้านจักรยานเล็กๆ ในตัวเมืองซานฟรานซิสโก วันหนึ่งเขาอาสาซ่อมเครื่องรถยนต์หารายได้เสริม ทั้งๆ ที่เพิ่งลงมือเป็นครั้งแรกแต่ก็ซ่อมแซมจนรถกลับมาวิ่งได้สำเร็จ ชาร์ลส์มองเห็นช่องทางธุรกิจ จึงลงทุนเปลี่ยนเป็นร้านขายและซ่อมรถยนต์แทน เขาขยายกิจการอย่างรวดเร็ว กลายเป็นร้านใหญ่โตที่สุดในเมือง
ชาร์ลส์กลายเป็นเศรษฐี แต่งงานและมีลูกชายหนึ่งคน เขาซื้อบ้านหลังโตบนที่ดินผืนใหญ่ ย้ายม้าออกจากคอกเดิมและเริ่มสะสมรถยนต์แทน กระทั่งวันหนึ่งลูกชายวัยเด็กนำรถออกไปขับเล่น เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ชาร์ลส์ซึมเซาจมอยู่ในกองทุกข์ ส่งผลให้ภรรยาขอหย่าขาด
ชาร์ลส์กลายเป็นคนไม่สนใจงานการ เดินทางไปพักผ่อนที่เม็กซิโก เขาวนเวียนอยู่ในสนามแข่งม้าแทบทุกวัน วันหนึ่งได้รู้จักกับสาวสวยมาเซลา ทั้งคู่ประทับใจกันตั้งแต่แรกพบ มาเซลาชวนชาร์ลส์ให้กลับมาขี่ม้าอีกครั้ง พอความรักเบ่งบานเต็มที่ อีกไม่นานทั้งสองก็เข้าพิธีวิวาห์
ม้าแข่ง: ซีบิสกิต
มันเป็นม้าตัวเล็กกว่าเพื่อน ขี้เกียจ ดื้อบ้างเป็นครั้งคราว แถมมีความพยศซ่อนอยู่ในตัว เจ้าของเก่าฝึกมันไว้เป็นม้าสำหรับไต่อันดับ ถูกบังคับให้วิ่งแพ้เป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้ม้าแข่งร่างกำยำตัวอื่นๆ ทว่าทอมกลับเห็นบางอย่าง เมื่อจ้องมองเขม็งที่ดวงตาเจ้าม้าตัวดี จะเห็นแววนักสู้กระหายชัยส่องประกายอยู่ภายใน ส่งทะลุทะลวงความมืดมิดมาได้เลย
ชาร์ลส์อยากส่งม้าลงแข่งเองบ้าง แต่ไม่มีความรู้ใดๆ จึงควานหาคนฝึกม้า จ๊อกกี้ และม้าคุณภาพดีราคาไม่สูงสักตัวเพื่อตั้งต้น ชาร์ลส์ได้พบทอมโดยบังเอิญ เขาชอบใจที่ทอมเป็นคนซื่อสัตย์ ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย แม้จะพูดจาโผงผางไปบ้าง แต่ก็จิตใจดี น่าจะเข้าใจและดูแลม้าอย่างเอาใจใส่
ทอมแนะนำให้ชาร์ลส์ซื้อเจ้าม้าซีบิสกิต ถึงจะเสี่ยงอยู่ แต่เขาก็มั่นใจว่าจะฝึกมันจนแกร่งได้ ต่อจากนั้นพวกเขาได้ตัวเรดมาในสภาพสะบักสะบอม เรดคนจอมพ่ายกับซีบิสกิตม้าขี้แพ้ ช่างเข้าคู่กันได้อย่างเหมาะเจาะ ทอมให้เรดขี่ซีบิสกิตพาเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย นอกจากจะช่วยให้คุ้นเคยกันแล้ว คงจะช่วยให้ทั้งม้าและคนลืมเรื่องร้ายๆ ที่แล้วมาได้ดี
สามคนกับหนึ่งม้าผู้มีชีวิตบอบช้ำได้มาพบกัน
หลังจากฝึกซ้อมมาพักใหญ่ เรดขี่ซีบิสกิตลงแข่งอย่างต่อเนื่อง คนทั้งสามค่อยๆ เรียนรู้ต่างๆ นานาเพิ่มขึ้นจากผลแพ้ชนะสลับกันไป ทั้งเรื่องการแข่งขันในสนาม และชีวิตส่วนตัวนอกสนาม กระทั่งชื่อซีบิสกิตกับเรดเป็นที่กล่าวขวัญในวงการ ทอมบอกว่าก็เพราะมันยังไม่เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อต่างหาก ต้องเจอกับวอร์แอดไมรัล ม้าแข่งตัวใหญ่สง่างาม ผู้ครองสามมงกุฎแชมป์อยู่ตอนนี้เสียก่อน คำพูดนี้โหมไฟในตัวชาร์ลส์ให้คุโชนขึ้นอีกครั้ง เขาจึงส่งสาส์นผ่านทางสื่อมวลชนท้าทายเจ้าของม้านามริดเดิล ขอดวลกับวอร์แอดไมรัลตัวต่อตัว บรรดาสื่อเองก็ประโคมข่าวไม่เว้นวัน ในที่สุดริดเดิลจำต้องยอมรับคำท้า โดยกำหนดให้แข่งที่สนามพิมลิโกในรัฐบัลติมอร์ของตัวเอง
ก่อนวันแข่งไม่นานเรดเกิดอุบัติเหตุจนขาหัก เขาขอให้ จอร์จ วูล์ฟ เพื่อนสนิทมาควบม้าแข่งแทน …คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนสนามพิมลิโกแน่นขนัด ถนนในเมืองโล่งว่างเพราะผู้คนไปสุมหัวรอฟังบรรยายม้าแข่งทางวิทยุด้วยกัน เสียงกริ่งดังกังวาน ม้าแข่งนัดหยุดโลกเริ่มต้นขึ้นแล้ว…
จอร์จเร่งให้ซีบิสกิตนำก่อนในช่วงต้น แล้วผ่อนลงในช่วงกลาง ตั้งใจให้วอร์แอดไมรัลไล่ตามมาทัน ปล่อยให้ม้าสองตัวจ้องตากัน เมื่อนั้นแววตาซีบิสกิตจะข่มคู่ต่อสู้ แรงกระหายชัยจะพุ่งพล่านทั่วกาย ผลักให้มันทะยานนำไปข้างหน้าจนรั้งไม่อยู่ บังคับให้คู่แข่งต้องกินฝุ่นอยู่ข้างหลังถึงสี่ช่วงตัว จบการแข่งขันชื่อซีบิสกิตขึ้นชั้นกลายเป็นม้าแข่งระดับหัวแถวของอเมริกาทันใด
เรดกลับมาใช้ไม้ค้ำเดินกะเผลกได้บ้างแล้ว จอร์จยังคงขี่ซีบิสกิตแข่งให้อยู่ จนถัดมาช่วงกลางปีซีบิสกิตบาดเจ็บที่เท้า ชาร์ลส์พามันกลับบ้าน เรดดีใจนักที่ได้พบซีบิสกิตอีกครั้ง เขาพูดคุยกับมัน ดูแลมันอย่างทะนุถนอม ใช้เวลารักษาตัวร่วมกันไป จนกระทั่งซีบิสกิตกลับมาเดินเล่นได้อีกหน เขาเริ่มฝึกมันวิ่งเพื่อแข่งขันอีกครั้ง และกลับมาดูแลตัวเองอย่างมีวินัยไปพร้อมๆ กัน ตั้งใจจะลงแข่งคว้าชัยสร้างชื่อเสียงทั้งม้าและคนอีกรอบ
ซีบิสกิตสมบูรณ์พร้อมแข่งได้ทุกเมื่อ ทว่าหมอกลับห้ามเรดลงสนามอีก เรดอ้อนวอนชาร์ลส์กับทอมอนุญาตให้เขาลงแข่ง มาเซลาบอกชายทั้งสองว่า ถ้าพวกเรารักเรด ก็จงอย่าห้ามเขาเลย การได้ขี่ซีบิสกิตลงสนามคือชีวิตทั้งหมดของเรด เมื่อจอร์จรู้เข้าก็ยอมถอยฉาก ชาร์ลส์กับทอมจึงต้องยอมจำนน
ณ สนามซานตาแอนิตา เรดจะเป็นจ๊อกกี้ขี่ซีบิสกิตลงสนามแข่งเป็นครั้งแรกหลังบาดเจ็บ เขาออกสตาร์ตได้ไม่ดีเลย ซีบิสกิตกำลังวิ่งรั้งท้าย จอร์จอยู่บนม้าอีกตัว เขาผ่อนม้าตัวเองลงมาเคียงข้างเรด ทักทายกันประสาเพื่อน แท้จริงแล้วจอร์จหวังให้ซีบิสกิตได้มองตาม้าคู่แข่ง ปลุกวิญญาณนักสู้ทรหดของมันขึ้นมาอีกหน และแล้วซีบิสกิตก็ปลดปล่อยตัวตนออกมา วิ่งห้อพาเรดเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งในรอบท้ายสุด
เรดกล่าวว่า “ใครๆ ก็คิดว่าเราเจอม้าที่ไม่สมประกอบแล้วเราก็ซ่อมแซมมัน เยียวยามัน แต่เปล่าเลย เจ้าม้าต่างหากที่ช่วยเยียวยาพวกเรา พร้อมกับเราทั้งหมดก็ช่วยซ่อมแซมกันและกันไปด้วย”
ผู้กำกับ แกรี รอสส์ นำเหตุการณ์จริงมาดัดแปลงรายละเอียดเล็กน้อย และได้นักแสดงยอดฝีมือมารับบทนำ ทั้ง เจฟฟ์ บริดเจส, คริส คูเปอร์ และ โทบี แมกไกวร์ ออกมาเป็นหนังกีฬาอารมณ์ละเมียด ลึกซึ้ง ไม่มีคุกคามคนดู จะดูกี่รอบก็รู้สึกอบอุ่น ได้อมยิ้มชุ่มชื่นใจทุกรอบไป
มองอีกมุมหนึ่ง ทีมม้าแข่งนี้เปรียบเสมือนเป็นสโมสรกีฬาอาชีพ ที่หน้าบ้านนั้น ชาร์ลส์-เจ้าของม้าเป็นผู้บริหาร ทอม-คนฝึกม้าเป็นโค้ช เป็นผู้จัดการ ส่วนเรด-จ๊อกกี้กับเจ้าม้าซีบิสกิตเป็นฝ่ายปฏิบัติการ และมาเซลาเป็นกองเชียร์คอยหนุนหลัง ต่างฝ่ายต่างรู้หน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง ประสานงานกันอย่างลงตัว
ส่วนที่หลังบ้าน พวกเขาอยู่ร่วมกันแบบสมาชิกในครอบครัว ในฐานะสามีกับภรรยา ฐานะพี่ชายกับน้องชาย พ่อกับลูกชาย ควบคู่ไปกับความผูกพันระหว่างครูกับศิษย์ และจ๊อกกี้กับม้าคู่ใจ คอยเสริมกำลังใจกันยามท้อแท้ ประคองให้ลุกขึ้นเมื่อล้มลง รอเสพสุขร่วมกันเมื่อถึงเวลา และเหนืออื่นใดพวกเขากอบกู้ตัวตนของกันและกันจนกลับขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง
ม้าตัวเล็กกับคนตัวจ้อย ม้าชื่อชั้นรองบ่อนกับพลเมืองชั้นสอง คนกับม้าที่เหมือนถูกกำหนดให้เป็นรองทั้งที่ใจยังอยากเป็นที่หนึ่ง แฟนอาชารากหญ้ามองดูเจ้าซีบิสกิตแล้วเห็นตัวเองอยู่ในนั้น ระดับห่างคนละชั้นกับวอร์แอดไมรัล แต่ถึงจะตัวเล็กก็ยังชนะตัวใหญ่กว่าได้เหมือนกัน การแข่งขันของซีบิสกิตสะท้อนทัศนคติชั้นเลิศที่ว่า คนจะชนะได้ต้องอยากชนะ และเชื่อว่าตัวเองชนะได้เสียก่อน แล้วมุ่งสู่หนทางสู่ชัยชนะนั้น ได้ปลุกใจเหล่าคนดูให้ฮึกเหิม อยากลองทุ่มสุดตัว สู้สุดขีดดูสักตั้ง เผื่อจะมีโอกาสชนะกับเขาบ้าง ซึ่งศัตรูตัวใหญ่โตตอนนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองที่ต้องเผชิญกันอยู่ต่างหาก
ไม่น่าแปลกใจที่ซีบิสกิตกลายเป็นดาราขวัญใจประชาชนทั้งหลายโดยปริยาย และการที่เรดและซีบิสกิตกลับมาชนะอีกหนหลังฟื้นตัวจากบาดเจ็บยิ่งส่งกำลังใจแก่ผู้ชมอีกหลายเท่าทวีคูณ
ที่จะลืมเสียไม่ได้ก็คือจอร์จ เพื่อนร่วมอาชีพที่ฝีมือไม่เป็นรอง แถมหัวใจยังยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน จอร์จรู้ดีว่าเขาสามารถควบม้าเข้าที่หนึ่งได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากยอมถอยให้เรดควบซีบิสกิตเข้าวิน ก็เหมือนเขาและซีบิสกิดชนะไปด้วยกันอีกรอบ ทั้งยังจะส่งแรงกระเพื่อมแก่คนในวงการและผู้ชมวงกว้างอีกไม่น้อยเลย
บางทีคนธรรมดาๆ ที่หัวใจเต้นจังหวะเดียวกัน รวมตัวแล้วออกมาเป็นทีมเวิร์กชั้นเยี่ยม ก็มีสิทธิ์คว้าชัย พัฒนาอาชีพให้ก้าวหน้า เหนือกว่าเหล่ายอดฝีมือที่จิตใจระส่ำ ทีมเวิร์กย่ำแย่ได้ไม่ยากเลย
ย่ำแย่ได้ไม่ยากเลย