กีฬาอาชีพไม่ได้ต้องการแค่ความสามารถในสนามอย่างเดียว ชีวิตนอกสนามก็เป็นส่วนหนึ่งของเกมด้วย ถ้าใครปรับสมดุลไม่ดี อาจต้องสะดุด ถึงกับต้องจอดกลางทางได้เหมือนกัน
หนังชีวประวัติ ทอนยา ฮาร์ดิง นักสเกตหญิงอเมริกันคนแรกที่กระโดดหมุนตัว 3 รอบแล้วลงพื้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอถูกพิพากษาห้ามลงแข่งตลอดชีวิต เนื่องจากพัวพันกับคดีทำร้ายร่างกาย แนนซี เคอร์ริแกน นักสเกตหญิงดาวเด่น เพื่อนสนิทและคู่แข่งคนสำคัญ
ระหว่างสองสาว ทอนยาและแนนซี เข้าแคมป์ฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งขันชิงแชมป์ภาค และเพื่อต่อยอดไปสู่การคัดเลือกตัวแทนนักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1994 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศนอร์เวย์ รายการโทรทัศน์ตัดเข้าข่าวด่วนแจ้งว่า ชายสองคนเข้าประชิดตัวและใช้ก้านเหล็กฟาดเข้าที่เข่าของแนนซีจนบาดเจ็บ ต่อมา FBI สืบสวนตามรอยคนร้ายจนมาถึงเจฟฟ์กับทอนยาว่าเป็นต้นเรื่อง
หลังจากนั้นชีวิตของทอนยาก็พลิกผัน จากนักกีฬาที่มีแต่แฟนๆ ชื่นชม กลับกลายเป็นถูกคนรุมประณามทั่วสารทิศ จากการเป็นผู้ต้องสงสัยจ้างวานคนมาทำร้ายคู่แข่งตนเองในทีมชาติสหรัฐฯ
“มันเหมือนกับถูกทำให้เข้าใจผิดเรื่องทั้งหมดอีกรอบ ทว่าครั้งนี้ก็เพราะพวกคุณ คุณทุกคนรุมทำร้ายดิฉันด้วยกันหมด”
ทอนยาเป็นเหยื่อของความเขลา แวดล้อมด้วยคนกักขฬะ คนไร้ศักดิ์ศรีที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินเล็กน้อย เริ่มตั้งแต่คุณแม่ลาโวนาที่เป็นมนุษย์ป้าของแท้ ปากร้าย สบถคำหยาบทุกประโยค ด่าคนอื่นได้ทั้งวัน และสูบบุหรี่ตลอดเวลา เจฟฟ์ สามีหน้าตาหล่อเหลา แต่เป็นคนโง่ที่จิตใจคับแคบ คิดอะไรตื้นๆ มีสองบุคลิกทั้งหวานเยิ้มและทำร้ายร่างกายภรรยายามควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และชอว์น เพื่อนของเจฟฟ์ที่สมองทึบไร้เหตุผล เป็นคนหลงตัวเองที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในกะลา รวมถึงลิ่วล้อที่ซื่อบื้อและงี่เง่าสิ้นดี คนเหล่านี้อยู่ใกล้ชิดติดตัวทอนยาทั้งสิ้น
ทอนยาเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเธอแม้แต่น้อย เธอเป็นผู้รับเคราะห์กรรมจากเหตุการณ์ โลกไม่ยุติธรรมกับเธอ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับแนนซี จากที่ทอนยาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ดูสิ แนนซีโดนตีทีเดียว แล้วคนทั้งโลกก็รุมด่าดิฉันอย่างกับว่ามันเกิดขึ้นตลอดเวลา” แต่ทอนยาก็ไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้หรอก เธอเคยกราดเกรี้ยว พ่นคำหยาบคายใส่คณะผู้ตัดสินมาแล้วด้วยซ้ำ มันอาจไม่ใช่ความผิดที่การกระทำของเธอก็จริง แต่ปากที่ตรงกับใจขนาดนี้แสดงให้เห็นว่าทัศนคติของเธอก็ไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว
มาร์โกต์ ร็อบบี โชว์สุดยอดการแสดง รับบทเป็น ทอนยา ฮาร์ดิง รวมทั้งเล่นเองบนลานสเกตโดยไม่ใช้ตัวแสดงแทน จังหวะรับส่งของเธอชวนให้น่าหมั่นไส้และน่าสงสารไปพร้อมๆ กัน และฉากที่เธอกล่าวต่อผู้พิพากษาทั้งน้ำตาว่า “พวกเขาโดนไป 18 เดือน ซึ่งดิฉันยอมรับได้ ดิฉันไม่มีการศึกษา ที่ดิฉันรู้มีแค่อย่างเดียวคือเล่นสเกต ดิฉันไม่เหลืออะไรเลยถ้าไม่ได้สเกต ดิฉันไม่ใช่ปิศาจร้าย ดิฉันแค่พยายามทำดีที่สุดในสิ่งที่ดิฉันรู้ ซึ่งมันเหมือนกับท่านลงโทษประหารชีวิต ท่านไม่น่าตัดสินแบบนั้น” ก็ถือเป็นฉากไฮไลต์ของเรื่องได้เลย
ต้องขอคารวะ อัลลิสัน แจนนี ในบทลาโวนาที่ตรึงสายตา และคอยรั้งผู้ชมให้ตั้งใจฟังลีลาสบถร้ายกาจโดยตลอด แล้วก็ขยับเป็นขั้นกว่าต่อไปเรื่อยๆ ต้องลุ้นว่าจะไปสุดที่ไหน จนกระทั่งถึงฉากสุดท้ายที่เธอช่างเลือดเย็นเหลือเกิน
ผู้กำกับใช้วิธีเล่าเรื่องหนังโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนชีวประวัติที่ให้นักแสดงเล่นตามปกติ กับส่วนบทสัมภาษณ์ที่ให้นักแสดงพูดหรือเล่าเรื่องที่ผ่านมา ราวกับเป็นงานข่าวหรือสารคดี ยิ่งกว่านั้นจู่ๆ ผู้กำกับก็พาข้ามเส้นระหว่างกันด้วยการให้ตัวละครในส่วนชีวประวัติหันมามองกล้องแล้วบ่นหรือพูดความในใจออกมา แสดงปฏิกริยาโดยตรงกับคนดู ไม่ใช่แค่ทอนยาคนเดียว ทั้งเจฟฟ์และโลวานาก็ทำเช่นเดียวกัน ซึ่งบทสัมภาษณ์หลักก็ยังดำเนินไปตามปกติ เหมือนเปิดมิติใหม่ให้คนดูเข้าไปสนิทสนมและร่วมชะตากรรมใช้ชีวิตห่วยๆ ไปด้วยกันกับทั้งสามตัวละครนี้
กีฬาอาชีพไม่ได้ต้องการแค่ความสามารถในสนามอย่างเดียว ชีวิตนอกสนามก็เป็นส่วนหนึ่งของงานด้วยเหมือนกัน กีฬาที่ดูหรูหราอย่างสเกตลีลายิ่งต้องการภาพลักษณ์ทางสังคมสูงส่ง มาดต้องดี แต่งตัวต้องดูมีคลาสกว่ากีฬาอื่น และเมื่อก้าวสู่ขั้นนักกีฬาตัวแทนระดับประเทศ ติดธงชาติสหรัฐบนหน้าอก จำต้องประพฤติตัวตามระเบียบวินัยที่สมาคมฯ กำหนด ตามที่ผู้ชมคาดหวัง รวมไปถึงต้องแบกความฝันฉบับอเมริกันทั้งมวลเอาไว้เต็มบ่าอีกต่างหาก
ทว่าทอนยา นักกีฬาที่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมแต่อยู่ในโลกจริงที่ครอบครัวพังยับเยิน คุณภาพชีวิตเสื่อมโทรมในสภาพแวดล้อมเส็งเคร็งทั้งทางกายภาพและจินตภาพ เกือบจะเป็นด้านตรงข้ามของอเมริกันฝันหวานอยู่รอมร่อ ทอนยาไม่เคยรู้จักภาพฝันสวยงามอะไรแบบนั้นเลย จะสาธยายฝันนั้นอย่างไรเธอก็คงไม่มีวันเข้าใจ แถมคนรอบตัวบุคลิกขัดแย้งยังช่วยเรียกแขกมาต่อแถวสาปแช่งเธอไม่เว้นวัน พอผู้ชมรับทราบแล้วก็คงสงสาร เสียดายความสามารถ เสียดายโอกาสไปพร้อมกับเธอ
นักกีฬาที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ฉุดให้ตกต่ำลง เมื่อตระหนักได้แล้วก็ควรตีตัวออกห่างจากวังวนนั้นให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นรู้ตัวอีกทีก็จะพบว่าตนเองเอาแต่นั่งกล่าวโทษสิ่งรอบตัวอยู่ร่ำไป ที่น่าสนใจคือบางคนก็สามารถอยู่กับสภาพย่ำแย่ได้อย่างราบรื่น เป็นไปได้ว่าพวกเขาพบวิธีเปลี่ยนมุมที่มองเรื่องร้ายๆ เหล่านั้น แปลความว่ามันเป็นศัตรู ไม่ยินยอมรับมันเข้ามาแทรกแซงทัศนคติอันดีที่มีอยู่เด็ดขาด
“ในอเมริกา ผู้คนอยากหาใครสักคนไว้รัก และก็อยากได้ใครอีกสักคนเอาไว้ชัง” ทอนยากล่าวเอาไว้แบบนั้น ใครๆ ก็อยากจะให้ตัวเองเป็นตัวเลือกแรก แต่ทอนยากลับไม่มีสิทธิ์เลือก แถมถูกผลักไสให้ไปเป็นอย่างหลังทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการ เธอจะหมดสิทธิ์ปกป้องตัวเองจากทั้งสมาคมและสื่อมวลชนทันทีที่เปิดปากพูดอีกด้วย
หนังเรื่องนี้นำชีวิตทอนยามาเป็นข้อเตือนใจเรื่องสภาพแวดล้อมนอกสนามให้กับนักกีฬาและแฟนกีฬา ครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญในระบบนิเวศของการเป็นแชมป์ พ่อแม่ต้องบ่มเพาะลูกให้มีน้ำใจนักกีฬา เพื่อนพ้องน้องพี่ต้องสนับสนุนความคิดในทางที่ถูกที่ควร มีครูคอยสอนสั่ง มีโค้ชคอยสอนแนะ ร่วมสร้างบรรยากาศของการพัฒนาตนขึ้นมา ฝ่ายผู้สนับสนุนก็ต้องช่วยดึงนักกีฬาพ้นออกจากความกังวลเรื่องเงินทุนและพลังใจ ให้เดินหน้าต่อ ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างราบรื่น และขออย่าได้ตกเป็นผู้พลาดโอกาสอย่างทอนยาซ้ำอีก
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การเล่นกีฬาอาชีพก็เช่นกัน เมื่อถึงอายุหนึ่งก็ต้องปลดระวาง ด้วยสังขารที่เสื่อมลง ไอเดียไม่สปาร์คจอย ความแข็งแกร่งถูกแทนด้วยความอ่อนล้า ไม่คล่องแคล่วว่องไวเท่าเดิม ขณะที่ภาระชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันนั้นมาถึงก็ต้องขยับตัวออกมารับหน้าที่อื่นๆ จะใช้ความรู้ความชำนาญเป็นสตาฟ หรือจะขยับไกลเป็นเพียงผู้ชมอยู่ที่ข้างสนาม ไม่ก็ห่างหายจากวงการ พลิกแพลงประสบการณ์ไปประกอบอาชีพอื่นที่นอกสนามต่อไป
ซึ่งชีวิตนอกสนามนั้นยาวไกลกว่าในสนามนัก จะไปเป็นมือระดับปฏิบัติการ ระดับจัดการ ก็ถือว่าเริ่มต้นช้ากว่าใครเขา ถ้าเป็นระดับบริหารหรือแม้แต่ระดับอำนวยการ แม้เริ่มเร็วแต่ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย อย่างไรก็ตามวิถีทางและรายละเอียดย่อมแตกต่างไปจากในสนามเยอะแยะ ใช้ร่างกายน้อยลง ใช้สมองมากขึ้น บาดเจ็บกายจะห่างหายไป แต่บาดเจ็บใจจะเข้ามาบ่อยจนสนิทสนมกัน นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จหลังจบอาชีพ พวกเขาปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างโชว์ให้เห็นไว้ว่า ความมีน้ำใจนักกีฬากับหัวใจที่เปิดกว้างจะนำพาให้เส้นทางธุรกิจราบรื่น เส้นทางชีวิตรื่นรมย์ได้ไม่มากก็ไม่น้อยเลย
นักกีฬาร่างกายดี ทักษะดี ไหวพริบดีในสนามก็ไปได้ไกลแล้ว เมื่อรวมกับทัศนคติชั้นดียิ่งไปได้ไกลกว่า ทอนยาออกเดินทางแต่กลับไปไม่ถึงดวงดาว ถูกบังคับให้ออกจากสนาม เธอต้องมาจอดที่กลางทาง ยืนเคว้งคว้างท่ามกลางเสียงประณาม จะไปไหนต่อก็ไปไม่รอด ความฝันและความทะเยอทะยานที่จะก้าวสู่จุดสูงสุดมอดดับลงชนิดที่โทษใครไม่ได้ นอกจากทัศนคติด้านลบที่ถูกปลูกฝังมายาวนานภายในใจของเธอเอง
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม