“จัสมิน” ดวลเพลย์ออฟคว้าแชมป์ “วอลมาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปียนชิพ” ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแชมป์อาชีพที่ 3 ในแอลพีจีเอ ทัวร์ และเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์ในทัวร์ปีนี้
การแข่งขันกอล์ฟแอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ “วอลมาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปียนชิพ” ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 99 ล้านบาท ที่สนามพินเนเคิล กอล์ฟ คลับ ชานเมืองรอดเจอร์ส รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 27-29 กันยายน 2567 มีนักกอล์ฟไทยร่วมแข่งขัน 7 แต่ผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นในวันสุดท้าย 4 คน คือ อาฒยา ฐิติกุล, ปาจรีย์ อนันต์ฤการ, อาภิชญา ยุบล และจัสมิน สุวัณณะปุระ
วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน จัสมิน สุวัณณะปุระ ซึ่งสัปดาห์นี้ได้ ไมเคิล โธมัส สามีมารับหน้าที่เป็นแค๊ดดี้ ระเบิดฟอร์มทำ 8 เบอร์ดี้ 1 อีเกิ้ลปิดท้ายหลุม 18 โดยไม่เสียโบกี้เลย ทำสกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ 61 ต่ำที่สุดต่อรอบในการเล่นอาชีพของเธอ สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 196 เท่ากับ ลูซี ลี จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งร้อนแรงทำ 11 อันเดอร์พาร์ 60 จาก 3 อีเกิ้ล 7 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ นับเป็นสกอร์ต่ำที่สุดของรายการนี้ ต้องดวลเพลย์ออฟตัดสินแชมป์
ผลปรากฏว่า การเล่นเพลย์ออฟหลุมแรกใช้หลุม 18 พาร์ 5 ทั้งคู่ต่างทำเบอร์ดี้ ต้องไปเล่นต่อหลุมที่สอง ซึ่งใช้หลุมเดิม ครั้งนี้ จัสมิน ทำอีเกิ้ลชนะไป คว้าแชมป์ไปครองเป็นรายการแรกในปีนี้ พร้อมรับเงินรางวัล 450,000 ดอลลาร์ หรือราว 14.5 ล้านบาท
แชมป์นี้ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 และนับเป็นแชมป์ที่ 3 ในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ ต่อจากรายการ มาราธอน คลาสสิก (เดนา โอเพ่น ในปัจจุบัน) เมื่อปี 2018 และรายการทีมสองคน ดาว เกรท เลค เบย์ อินวิเท ชันแนล (ปัจจุบันดาว แชมเปียนชิพ) คู่กับซีดนีย์ แคลนทัน จากสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2019
นอกจากนั้น จัสมิน ยังเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ปีนี้ต่อจาก ปภังกร ธวัชธนกิจ (ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์), อาฒยา ฐิติกุล (ทีมดาว แขมเปียนชิพ), ชเนตตี วรรณแสน (เดนา โอเพ่น) และ โมรียา จุฑานุุกาล (พอร์ทแลนด์ คลาสสิก) และเป็นคนไทยที่ 4 ที่คว้าแชมป์อย่างน้อย 3 รายการในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ ร่วมกับ อาฒยา ฐิติกุล (3), โมรียา จุฑานุกาล (3) และ เอรียา จุฑานุกาล (12)
โปรสาวจากจังหวัดชลบุรี วัย 31 ปี เผยหลังการคว้าแชมป์ว่า “การเล่นเพลย์ออฟกับ ลูซี ลี ไม่ง่ายเลย และพอใจกับการเล่น และเล่นตามเกมตัวเองแล้ววันนี้ก็สามารถทำได้ และมีความสุขมาก อีกอย่างแชมป์นี้มันนานมากเลยเคยคิดว่าอาจไม่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง แต่วันนี้ทุกอย่างก็มาถูกที่ถูกเวลาและที่สำคัญคือสามีที่มาเป็นแค๊ดดี้ให้ด้วย”
ส่วนผลงานนักกอล์ฟสาวไทยคนอื่น ๆ ที่ผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นในวันสุดท้าย “เปียโน” อาภิชญา ยุบล ทำ 14 อันเดอร์พาร์ 199 จบอันดับ 4 ร่วม, “จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล ทำ 4 อันเดอร์พาร์ 201 จบอันดับ 7 ร่วม และ “เมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ทำ 1 อันเดอร์พาร์ 203 จบอันดับ 17 ร่วม
หลังจากจบรายการนี้ แอลพีจีเอ ทัวร์ จะข้ามมาแข่งที่ทวีปเอเชีย “เอเชียนสวิง” 4 รายการ ในเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เริ่มจากจีน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และ ญี่ปุ่น ก่อนจะกลับ สหรัฐอเมริกา อีกครั้ง แข่งขันสามรายการสุดท้ายของฤดูกาล
เครดิตภาพ: LPGA/Getty Images