Link Copied!

เส้นทางต่างสายแต่จุดหมายเดียวกันของสามนักยิมนาสติกหญิง

ในโอลิมปิก 2020 เรื่องราวของยิมนาสติกหญิงมีแง่มุมน่าสนใจมากมาย เราสามารถบอกเล่าการเดินทางของพวกเธอผ่านชีวิตของ สุนิสา ลี, ซิโมน ไบลส์ และ อ็อคซานา ชูโซวิตินา ถ้าสุนิสาคือจุดเริ่มต้น ซิโมนคงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และออคซานาคือช่วงเวลาของการร่ำลา ทั้งสามคนล้วนทำลายกำแพงเพื่อเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง

เราคุ้นเคยกันดีว่า นักยิมนาสติกหญิงในโอลิมปิกมักจะมีอายุน้อย บางคนยังเป็นเด็กหญิงตามมาตรฐานบ้านเราเสียด้วยซ้ำ แต่ในโอลิมปิกครั้งนี้ นักกีฬายิมนาสติกมีอายุเฉลี่ยมากขึ้นอยู่ที่ 21 ปี 11 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงยุค 70 และยุค 80 ที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 16-17 ปี และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1952 ที่นักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาทุกคนมีอายุ 18 ปีขึ้นไป หนึ่งในนั้นคือ สุนิสา ลี ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของเหรียญทองบุคคลรวมทุกอุปกรณ์หญิง

“สุนิ” เป็นชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียกสุนิสา ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก ชีวิตของสุนิสาเต็มไปด้วยรอยแผล การมีเชื้อสายม้ง และย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาไม่ใช่เรื่องง่าย “ผู้คนเกลียดเราโดยไม่มีเหตุผล มันคงเจ๋งดีที่จะแสดงให้เห็นว่า พวกเราเป็นมากกว่าสิ่งที่พวกเขาพูด ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง” สุนิสาเอ่ย ก่อนที่โอลิมปิกจะเลื่อนมาอีก 1 ปี และสุนิสายังไม่ติดทีมชาติ แต่พ่อและแม่ของเธอก็เชื่อว่าลูกสาวจะทำได้ พวกเขาจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อตามมาเชียร์ลูกสาวที่โตเกียว และจะปิดท้ายด้วยการพาลูกๆ ไปประเทศลาว ที่ซึ่งพวกเขาเติบโตขึ้นมา ทั้งพ่อและแม่ของของสุนิสาเป็นชาวม้งก่อนที่จะอพยพไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

สุนิสาเริ่มต้นเล่นยิมนาสติกมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ด้วยการสนับสนุนจากพ่อและแม่ โดยคุณพ่อเป็นคนแรกที่สอนให้สุนิสาตีลังกาบนเตียง ในปี 2016 ในวัย 14 ปี สุนิสาติดทีมชาติเยาวชนของสหรัฐอเมริกา และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักยิมนาสติกที่น่าจับตามอง ทุกอย่างดูจะไปได้ดี แต่ชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยน 2 วันก่อนหน้าการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศในปี 2019 จอห์น คุณพ่อของสุนิสาตกจากบันไดตอนที่ขึ้นไปตัดแต่งกิ่งไม้ เขากลายเป็นอัมพาตตั้งแต่หน้าอกลงไป แม้จะถูกทัดทานจากโค้ชว่าไม่ควรลงแข่งขัน แต่จอห์นก็ยืนยันให้ลูกสาวลงสนาม สุนิสาได้เหรียญเงินในประเภทบุคคลรวมทุกอุปกรณ์ในการชิงแชมป์ระดับประเทศ

หนึ่งเดือนต่อมาในค่ายเก็บตัวของทีมชาติสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะเลือกตัวแทนไปแข่งชิงแชมป์โลก สุนิสาทำสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิด เมื่อเธอแข่งกับ ซิโมน ไบลส์ แบบสูสี ก่อนที่จะพ่ายในประเภทบุคคลรวมทุกอุปกรณ์ให้หนึ่งในนักยิมนาสติกที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกไปด้วยคะแนน 58.550 ต่อ 58.200 คะแนนเท่านั้น ความฝันในการลงเล่นในโอลิมปิกใกล้เป็นจริง แต่แล้วโควิดก็เข้ามาแทรกตรงกลาง โอลิมปิกต้องเลื่อนการลงชิงชัยไปอีก 1 ปี โรงยิมที่ใช้ฝึกซ้อมต้องปิด 3 เดือน เมื่อได้กลับมาฝึกซ้อม สุนิสาได้รับบาดเจ็บเท้าแตก ทำให้ต้องหยุดพักไปอีก 3 เดือน โควิดไม่ได้พรากยิมนาสติกไปจากเธอเท่านั้น แต่ยังพรากคุณลุงและคุณป้าไปจากสุนิสาอีกด้วย

ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สุนิสาได้กำลังใจจากจาก ซิโมน ไบลส์ จากคู่แข่งกลายมาเป็นเพื่อนสนิท ในช่วงการล็อกดาวน์ ทั้งสองคนพูดคุยกันตลอดเวลา และทั้งคู่รู้ดีว่าการต้องรอเพื่อกลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้งนั้นเป็นยังไง ถ้า สุนิสา ลี กำลังอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพในโอลิมปิกคราวนี้ สำหรับ ซิโมน ไบลส์ นี่คงเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ นักยิมนาสติกที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 31 เหรียญรางวัลรวมกันทั้งในโอลิมปิกและชิงแชมป์โลกกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาด้านสุขภาพจิต

วินาทีที่เธอถอนตัวระหว่างการแข่งขันประเภททีมหญิงในโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ตามมาด้วยการถอนตัวจากการแข่งขันรายการอื่นๆ ประเภทบุคคล “ปีศาจ” เป็นคำที่ซิโมนใช้เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของเธอ สิ่งที่พรากความสนุกไปจากการเล่นยิมนาสติก ความสงสัย ความกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย แรงกดดัน และความล้มเหลว เป็นสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของนักยิมนาสติกเบอร์หนึ่งของโลก แม้ว่าจะใช้ยาและเข้ารับการบำบัด แต่เหมือนกับว่าเป็นแค่การพักรบ สงบศึกชั่วคราว จนมาระเบิดใส่เธอตอนที่กระโดดอยู่กลางอากาศ ซิโมนยอมรับว่า ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนและเกิดอะไรขึ้น ซิโมนรู้ว่าโอลิมปิกสำหรับเธอในคราวนี้จบลงแล้ว

“พวกเราเครียดกันมาก เธอคือ ซิโมน ไบลส์ นะ เธอแบกทีมนี้ไว้ เมื่อเราต้องขึ้นไปยืนและทำสิ่งที่ต้องทำ มันเครียดมาก” สุนิสา ลี เอ่ย จากนักกีฬาเบอร์หนึ่งกลายมาเป็นกองเชียร์ข้างสนาม ชีวิตของ ซิโมน ไบลส์ ผ่านอะไรมามากมาย เธอเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ถูกล่วงเกินทางเพศจาก แลร์รี นาสเซอร์ แพทย์ประจำทีมยิมนาสติกสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความผิดในการล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวกว่า 265 คน นอกจากนี้ซิโมนยังมีอาการโรคสมาธิสั้น และการเป็นนักยิมนาสติกผิวดำก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แรงกดดันและความคาดหวังมหาศาลที่เธอได้รับมาตลอดอาชีพกำลังส่งผลต่อสภาพจิตใจ ตอนนี้ซิโมนอายุ 24 ปี เรายังไม่รู้ว่าโอลิมปิมที่ฝรั่งเศสในอีก 3 ปีข้างหน้า ซิโมน ไบลส์ ในวัย 27 ปี จะกลับมาลงแข่งขันได้ไหม และ “ปีศาจ” ตัวนั้นจะหายไปจากหัวของเธอหรือยัง

สุนิสา ลี สร้างประวัติศาสตร์ให้ชาวม้ง ซิโมน ไบลส์ กำลังต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น ขณะที่ อ็อคซานา ชูโซวิตินา ทำลายขีดจำกัดทั้งหมดที่นักยิมนาสติกหญิงมี เธอบอกลาโอลิมปิกครั้งที่ 8 และครั้งสุดท้ายของเธอในวัย 46 ปี ชูโซวิตินาลงแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1992 ห้าปีก่อนที่ซิโมน ไบลส์ จะเกิด และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกประเภททีมหญิงมาครองในโอลิมปิกครั้งแรก ในโอลิมปิก 8 ครั้ง เธอลงสนามแข่งขันให้ 3 ชาติ คือ สหภาพโซเวียต เยอรมนี และอุซเบกิสถาน

สาเหตุที่เธอลงเล่นในนามทีมชาติเยอรมนีในโอลิมปิกปี 2008 และ 2012 ก็เพราะว่าลูกชายของเธอป่วยด้วยโรคลูคิเมีย และต้องการการรักษาทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ในปี 2002 เธอและสามีซึ่งเป็นนักมวยปล้ำทีมชาติอุซเบกิสถานตัดสินใจย้ายไปอยู่เยอรมนี ด้วยเงินจากการลงสนามแข่งขัน และความช่วยเหลือจากนักยิมนาสติกที่เรี่ยไรเงินและบริจาคเพื่อช่วยเหลือ ทำให้เธอสามารถดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกชายได้ ในปี 2006 อ็อคซานาได้สัญชาติเยอรมัน เธอลงแข่งขันโอลิมปิกในปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และคว้าเหรียญเงิน ประเภทม้ากระโดดมาครองได้สำเร็จ

ในโอลิมปิก 2020 อ็อคซานาลงสนามในนามทีมชาติอุซเบกิสถาน แม้จะไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ แต่นักยิมนาสติกวัย 46 ปี ก็คว้าใจนักยิมนาสติก โค้ช ทีมงาน และผู้ชมทางบ้านไปเรียบร้อย เสียงปรบมือดังลั่นสนามแข่งขันที่ไร้คนดู เป็นการโบกมือลาสนามที่สวยงามที่สุดของในโอลิมปิกครั้งนี้

นี่คือการเดินทางของ 3 นักยิมนาสติกสาว ต่างที่มา ต่างอุปสรรค แต่มีจุดหมายเดียวกันคือ ลงเล่นและประสบความสำเร็จในกีฬาที่พวกเธอรัก

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares