Link Copied!

พลังแห่งจินตนาการ

ลิโอเนล เมสซี, ซีเนอดีน ซีดาน, โรแบร์โต บาจโจ หรือ ดิเอโก มาราโดนา ได้รับการยกย่องจากผู้พิศมัยเกมลูกหนังในฐานะผู้เล่นพรสวรรค์และมีจินตนาการสูง ผู้เล่นชั้นยอดเหล่านี้มีวิสัยทัศน์ในการมองเกมที่กว้างขวางกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ อ่านการเคลื่อนไหวของคู่แข่งได้ดี วิเคราะห์เกมได้ขาด แถมยังพลิกเกมนำชัยให้ทีมมานับครั้งไม่ถ้วน

ไม่เพียงการสร้างสรรค์เกมเท่านั้นที่แข้งเทพเหล่านี้มีความโดดเด่น หากแต่ลูกยิงประตูไฮไลต์ของแต่ละคนก็ใช้จินตนาการล้ำเลิศทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกยิงจุดโทษที่ซีดานกล้าชิฟต์บอลข้ามตัว จิอันลุยจิ บุฟฟอน ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 หรือลูกเลี้ยงหลบผู้เล่นอังกฤษเกือบครึ่งทีมเข้าไปยิงประตู 2-0 ของมาราโดนา ในปี 1986 หรือฟรีคิกที่แม่นราวกับจับวางนับครั้งไม่ถ้วนของเมสซีและบาจโจ

การมองที่แตกต่าง และพลังแห่งจินตนาการคือจุดที่ทำให้ผู้เล่นชั้นยอดเหล่านี้ เหนือชั้นกว่าผู้เล่นชั้นดีคนอื่นๆ

มนุษย์ส่วนใหญ่สร้างจินตนาการจากสิ่งที่สนใจ ผสมผสานกับความรู้ที่ได้จากการอ่าน การศึกษา และประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าจินตนาการนั้นจะเกิดจากอะไร ปัจจัยพื้นฐานที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ “การมองเห็น”

ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะเหมารวมได้หรือไม่ว่าคนที่มีข้อจำกัดด้านสายตา รวมไปถึงคนที่สูญเสียการมองเห็น จะมีความสามารถจำกัดในการสร้างจินตนาการ?…

2 กันยายน 2021 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

หลังจากโชว์ฟอร์มการครองบอล ต่อบอลที่เหนือกว่าทีมชาติฝรั่งเศสในช่วงต้นเกม กิตติกร บัวดี ก็สบโอกาสในการทำประตูให้ทีมชาติไทยออกนำไป 1-0 ในนาทีที่ 9 ของครึ่งแรก

กิตติกรได้บอลช่วงครึ่งสนาม เขาได้ยินเสียงผู้เล่นฝรั่งเศสตรงเข้ามาสกัดทางด้านขวา จึงตัดสินใจลากบอลตัดซ้ายเข้ามาที่กลางสนาม เพียงเพื่อจะได้ยินเสียงฝีเท้าผู้เล่นฝั่งตรงข้ามอีกคนหนึ่งตรงเข้ามาสกัด

เขาเตะบอลไปข้างหน้าเพื่อชิงจังหวะ พร้อมทั้งหักหลบมาทางขวา เมื่อได้ยินเสียงนักเตะฝรั่งเศสอีกคนพุ่งตรงเข้ามาสกัดจากทางซ้าย

เขาหลุดพ้นการสกัดมาได้ พร้อมได้ยินเสียงจากหลังประตูฝรั่งเศส ตะโกนบอกว่าจะเข้าเขตประตูแล้ว เหลือแค่ผู้รักษาประตูเท่านั้น!!

กิตติกรจึงตัดสินใจซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรง ตามเสียงตะโกนของเพื่อนร่วมทีม เสียงแหกปากดีใจของเพื่อนร่วมทีมที่อยู่หลังประตูฝรั่งเศส ทำให้เขารู้ได้ว่าลูกยิงที่ออกจากปลายเท้าเขา พุ่งผ่านผู้รักษาประตูทีมชาติฝรั่งเศส ตุงตาข่ายที่เขาเองก็มองไม่เห็น

เขาชูสองมือแสดงความดีใจ หันหลังวิ่งกลับไปฉลองประตูร่วมกับเพื่อนร่วมทีม…โดยมีเพื่อนร่วมทีมที่คอยตะโกนบอกหลังประตูคู่แข่งวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนแรก และวิ่งพาเขาไปสวมกอดกับเพื่อนร่วมทีมอีก 4 คน

ต่อมาในนาทีที่ 17 ไทยได้เตะมุมซ้าย เจ้าเต๋า ปัญญาวุฒิ คุพันธ์ ลากบอลออกจากมุมตัดเฉียงไปทางขวาประมาณ 45 องศา โดยที่ไม่ต้องมองตามที่ซ้อมมา เมื่อถึงขอบเขตโทษ เขาได้ยินเสียงเพื่อนร่วมทีมเคาะบอกทิศทางที่เขาต้องหันหน้าไป พร้อมตะโกนบอกว่า “ยิงเลย”

ลูกพุ่งออกจากเท้าขวาของเต๋า ลอดขาผู้เล่นฝรั่งเศส และผ่านผู้รักษาประตูที่ถูกบังทาง เข้าไปเป็นประตูที่สองของทีมชาติไทย เสียงตะโกนยินดีจากทีมสตาฟข้างสนามทำให้เต๋ารับรู้ว่าลูกยิงที่เขามองไม่เห็น พุ่งผ่านฝ่ายตรงข้าม เข้าประตูที่เขาจินตนาการไว้ในใจว่ามันต้องอยู่ตรงนั้น

ประตูของเต๋าช่วยให้ทีมชาติไทยออกนำ 2-0 ในครึ่งแรก ก่อนที่เขาจะบวกเพิ่มอีกลูกในครึ่งหลังนาทีที่ 27 พาไทยออกนำ 3-0 ก่อนที่นักเตะตราไก่จะฮึดเฮือกสุดท้าย ยิงตามมา 2 ลูก แต่ก็ไล่ไม่ทัน จบเกมไทยชนะฝรั่งเศส 3-2 คว้าอันดับ 7 ไปครอง

นี่คือชัยชนะครั้งแรก และประตูของกิตติกรก็เป็นประตูประวัติศาสตร์ลูกแรกสำหรับทีมลูกหนังไทยในพาราลิมปิกเกมส์

ใช่ครับ ทั้งกิตติกรและปัญญาวุฒิ รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูและสตาฟ ทุกคนเป็นผู้สูญเสียการมองเห็น แต่พวกเขาสามารถเป็นตัวแทนประเทศลงแข่งในเกมกีฬาที่ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าผู้ที่ตามองไม่เห็นจะเล่นได้ แถมยังเล่นได้ดีมากเสียด้วย

ฟุตบอลพาราลิมปิกนอกเหนือจากจะเป็นเกมที่ต้องใช้หูฟังเสียงลูกบอล ฟังเสียงฝีเท้าของผู้เล่นคนอื่น คอยฟังเสียงตะโกนบอกของผู้รักษาประตู และเฝ้าฟังเสียงเคาะบอกทิศทางของเพื่อนร่วมทีมที่อยู่หลังประตูคู่แข่ง ว่าเมื่อไหร่จะถึงจังหวะทำประตู และต้องยิงไปในทิศไหนแล้ว

ยังเป็นกีฬาที่ใช้ “จินตนาการ” สูง เพราะถึงแม้จะได้ยินเสียงฝีเท้าคู่แข่งวิ่งตรงเข้ามาหาบอลทางขวา และถึงแม้จะรู้ว่าต้องเลี้ยงหนีไปทางซ้าย แต่จะต้องเลี้ยงลูกไปกี่ก้าว จะหักหลบด้วยมุมกี่องศา และจะต้องพาบอลไปด้วยความเร็วเท่าไรถึงจะสามารถทำเกมบุกต่อได้โดยไม่เสียบอล

แล้วพอถึงเวลายิงประตู แม้จะมีเพื่อนส่งเสียงให้ทิศทาง แต่ประตูอยู่ตรงไหนกันแน่ ไกลแค่ไหน แล้วผู้รักษาประตูที่สายตาปกติยืนตำแหน่งอย่างไร ต้องซัดเต็มแรงแค่ไหนถึงจะทำประตูได้

ทั้งหมดนี้อาศัยประสาทสัมผัสและจินตนาการล้วนๆ…

การปรากฏขึ้นของทีมฟุตบอลพาราฯ จึงไม่ใช่เป็นการสร้างกีฬาประเภทใหม่เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างหลักฐานชั้นเยี่ยมที่ย้ำเตือนมนุษย์ว่า จินตนาการนั้นมีพลังมหาศาลขนาดไหน และจินตนาการนั้นสร้างขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการมองเห็นเลย

นักกีฬาฟุตบอลพาราจึงเป็นตัวแทนของผู้คนที่ไม่ปล่อยให้ข้อจำกัดของร่างกายมาปิดกั้นจินตนาการ และความสามารถในการทำสิ่งที่พวกเขารัก พาราลิมปิกโตเกียวเกมส์ครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าพลังแห่งจินตนาการของพวกเขา สร้างชัยชนะที่ภาคภูมิใจและประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกร

Total
0
Shares