เทพ 100 เมตรไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว กรีฑาประเภทลู่เป็นหนึ่งในกีฬาที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอย่างมาก
นักวิ่งระยะสั้นคนแรกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ จนถึงนักวิ่งรุ่นเหลนก็คือ พลตรี อาณัติ รัตนพล ผู้นำทัพนักวิ่งไทยไปสู่เวทีโลก ด้วยการเป็นนักวิ่งระยะสั้นคนแรกของไทยที่เคยเข้าร่วมแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ประเภท 100 เมตร
อาณัติ เริ่มต้นสร้างชื่อจากการคว้าเหรียญทองได้ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพในปี พ.ศ. 2513 (ค.ศ.1970) จากการวิ่ง 200 เมตร, 4×100 เมตร ซึ่งถือเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของทัพนักกรีฑาไทยในเอเชี่ยนเกมส์ และยังได้เหรียญเงินในประเภทวิ่ง 100 เมตรอีกด้วย
อาณัติ ทำเวลาดีที่สุดในของตัวเองสำหรับการวิ่ง 100 เมตรไว้ที่ 10.10 วินาที ในการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2515 (1972) ที่เป็นรายการก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี (ข้อมูลจากเวบไซต์ World Athletics)
ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเขาได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันวิ่งระยะ 100 เมตร ในโอลิมปิก 1972 แต่เกิดอาการบาดเจ็บในการซ้อมเสียก่อน จึงทำให้ร่างกายไม่สมบูรณ์ และไม่ได้ไปร่วมแข่งขัน
แต่ในอีก 4 ปีต่อมา อาณัติ ได้กลับไปแก้ตัวในการวิ่ง 100 เมตรอีกครั้งในโอลิมปิก 1976 (พ.ศ. 2519) ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งในคราวนั้นเขาเป็นนักวิ่งจากเอเชียเพียงคนเดียวที่ผ่านรอบควอลิฟายด์รอบแรก ก่อนจะไปจบที่รอบก่อนรองชนะเลิศ (รอบ 32 คน)
ส่วนในปี พ.ศ. 2516 อาณัติ ก้าวขึ้นสู้ความเป็นจ้าวลมกรดแห่งเอเชีย ด้วยการคว้าอันดับ 1 ประเภทวิ่ง 100 และ 200 เมตรในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย ที่กรุงมะนิลา
โดยในการแข่งขันครั้งนั้นเขาทำเวลาดีที่สุดของตัวเอง ทั้งในการแข่งขันวิ่ง 200 เมตรในรอบคัดเลือก ด้วยเวลา 20.8 วินาที และ ในระยะ 100 เมตร เขาทำเวลาดีที่สุดที่ 10.00 วินาที (ข้อมูลจากเวบไซต์ World Athletics) แต่ไม่ได้นับเป็นเวลาอย่างเป็นทางการเนื่องจากมีความเร็วลม +5.1 m/s ซึ่งเกินไปจากที่กำหนด
ในปีต่อมา อาณัติตอกย้ำความเป็นจ้าวลมกรดแห่งเอเชียอีกครั้ง ด้วยการคว้าเหรียญทองมาสวมคอได้ทั้ง 3 ประเภทคือ 100, 200 และ 4×100 เมตร ในกีฬาเอเชียนเกมส์ พ.ศ. 2517 (1974) ที่ประเทศอิหร่าน
อาณัติสามารถรักษาแชมป์จ้าวเอเชียจากการวิ่ง 100 และ 200 เมตรในรายการกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย พ.ศ. 2518 (1975) ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ไว้ได้อีกครั้ง
ก่อนที่จะปิดฉากตำนานนักวิ่งของตัวเองด้วย 1 เหรียญทองและ 1 เหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 2521 (1978) จากการวิ่ง 4×100 เมตร และ 200 เมตรตามลำดับ
โดยสถิติวิ่ง 100 เมตรที่ดีที่สุด (Personal Best) อย่างเป็นทางการของ อาณัติ คือ 10.39 วินาที ทำได้ในปี พ.ศ. 2518 (1975)
::
โดยในกีฬาเอเชียนเกมส์ พ.ศ. 2517 (ค.ศ.1974) ที่กรุงเตหะราน ซึ่งทัพกรีฑาทีมชาติไทยคว้าเหรียญทอง 4×100 เมตร มาครองได้นั้น
ในทีมวิ่งผลัดที่มี อาณัติ รัตนพล วิ่งเป็นผลัดสุดท้ายนั้น ยังมีนักวิ่งดาวรุ่งดวงใหม่ในผลัดที่ 2 ที่ชื่อ สุชาติ แจสุรภาพ อยู่ด้วย
สุชาติ ที่ได้เหรียญเงิน 100 เมตรจากซีเกมส์ครั้งที่ 7 (ค ศ.1973) ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งที่ อาณัติ ได้เหรียญทองระยะนี้เป็นสมัยที่ 2
โดย อาณัติ ยังคว้าเหรียญทองในการวิ่ง 100 เมตร ในขณะที่ สุชาติ สามารถคว้าเหรียญทองแดงมาสวมคอได้อีกคน
ในโอลิมปิกปี 1976 (พ.ศ. 2519) สุชาติ และ อาณัติ เป็นตัวแทนประเทศไทยในการร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศแคนาดาในประเภท 100 เมตร และ 4×100 เมตร แต่ไปได้แค่รอบคัดเลือก
อีก 2 ปีถัดมาในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2521 (1978) ที่กรุงเทพ สุชาติ กับ อาณัติ ร่วมกันคว้าเหรียญทอง 4×100 เมตร อันเป็นแชมป์ประเภทนี้ 3 สมัยติดต่อกัน
แล้วทั้งสองคนยังเป็นคู่แข่งกันในการวิ่ง 100 เมตรเช่นเดิม แต่ครั้งนี้ สุชาติ มาเป็นตัวแทนรับช่วงลมกรดในตำนานต่อจาก อาณัติ โดย สุชาติ ล้มรุ่นพี่ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกก่อนจะคว้าเหรียญทองมาครองได้ ต่อหน้ากองเชียร์คนไทยเต็มสนามศุภชลาสัย
จึงทำให้ สุชาติ ก้าวขึ้นมาเป็นนักวิ่งระยะสั้นขวัญใจคนใหม่ของคนไทยได้เต็มตัว ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว (1977) เขาแพ้ให้ อาณัติ ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็นเหรียญทอง 100 เมตร สี่ครั้งติดต่อกันของ อาณัติ อีกด้วย
ก่อนที่ สุชาติ จะครองความเป็นลมกรดแห่งอาเซียน 3 สมัยติดต่อกัน ด้วยการคว้าเหรียญทองระยะ 100 เมตร จากซีเกมส์ครั้งที่ 10-13 (1979 1981 1983)
จากนั้นในปี พ.ศ. 2522 (1979) สุชาติ ไปประกาศศักดาต่อในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยการคว้าอันดับ 1 ในการวิ่ง 100 เมตร
โดยในรายการชิงแชมป์เอเชียนี้ สุชาติ สามารถคว้าแชมป์วิ่ง 100 เมตรได้ 3 สมัยติดต่อกันคือ พ.ศ. 2522, 2524, และ 2526 อันทำให้ทีมกรีฑาไทยได้ครองแชมป์ วิ่ง 100 เมตรชาย ติดต่อกัน 5 สมัย (อาณัติ 2 สมัยในปี พ.ศ.2516 และ 2518) ** ไม่มีการจัดแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลกในปี พ.ศ. 2520 **
สุชาติเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการวิ่ง 100 เมตรในรายการกรีฑาชิงแชมป์โลก IAAF ติดต่อกัน 3 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2520, 2522 และ 2524 (1977, 1979, 1981)
แม้ว่าในเอเชียนเกมส์ พ.ศ. 2525 (1982) เขาจะได้เพียงเหรียญเงินจาก 4×100 เมตร และเหรียญทองแดงจากการวิ่ง 100 เมตร ก็ตาม
แต่ในปี พ.ศ. 2526 สุชาติก็กลับมาคว้าเหรียญทองเป็นเกียรติประวัติให้ตัวเองอีกครั้งจากรายการกรีฑาชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศคูเวต ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันตามที่ได้เกริ่นเอาไว้แล้ว
::
หลังเข้าสู่ยุคโรยรา คนที่รับไม้ต่อจาก สุชาติ แจสุภาพ คือ สุเมธ พรหมณะ แต่น่าเสียดายที่ สุเมธ ไม่สามารถครองความยิ่งใหญ่ได้เหมือนรุ่นพี่ทั้งสองคน
แม้ว่าเขาจะได้เหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียในปี พ.ศ. 2526 จากการวิ่ง 200 เมตร แต่ในระยะ 100 เมตรเขาทำได้แค่การเป็นจ้าวอาเซียนเท่านั้น
ส่วนในกีฬาซีเกมส์ หลังจากที่ทีมกรีฑาไทยเข้าสู่ยุคทองของ อาณัติ กับ สุชาติ จนทำให้ครองเหรียญทองในระยะ 100 เมตร ได้ถึง 7 สมัยติดต่อกัน ตั้งแต่ซีเกมส์ครั้งที่ 6 - ครั้วที่ 12 (1971 - 1983)
ไทยจึงมาพลาดเหรียญทองระยะ 100 เมตรในซีเกมส์ครั้งที่ 13 ซึ่ง สุเมธ ทำได้แค่เหรียญเงิน ก่อนจะกลับมาแก้มือได้สำเร็จในครั้งต่อมา
จนกระทั่งมาถึงยุคของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ ผู้เป็นเจ้าของสถิติประเทศไทยในการวิ่ง 100 เมตรอย่างเป็นทางการคนล่าสุดด้วยเวลา 10.23 วินาที ซึ่งทำไว้ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) ที่กรุงเทพ ในรอบคัดเลือก
**ก่อนที่ “บิว” ภูริพล บุญสอน จะทำลายลงได้ด้วยเวลา 10.19 วินาที **
หลังจากที่ เหรียญชัย เปิดตัวจากซีเกมส์ครั้งที่ 18 (1995) ด้วยการเป็นนักวิ่งเพียงคนเดียวที่กวาด 4 เหรียญทอง จากระยะ 100, 200, 4×100, 4×200 มาครอง
เหรียญชัย ยังสอบผ่านการคัดเลือกเข้าไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก 1996 (พ.ศ.2539) ที่แอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยลงโทษแบนเขา เนื่องจากขาดวินัยในการฝึกซ้อมอย่างร้ายแรง ทำให้ไม่ได้ไปร่วมแข่งขัน
ส่วนในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนั้น เหรียญชัย ได้เพียงเหรียญเงินจากการวิ่ง 100 เมตรชาย แต่ก็ถือเป็นการกลับมาคว้าเหรียญรางวัลเอเชี่ยนเกมส์ในการวิ่งระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี
กีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 14 เมื่อปี พ.ศ. 2545 (2002) ที่ปูซาน เกาหลีใต้ เหรียญชัย และเพื่อนๆ ร่วมใจกันวิ่งจนนำทีมไต้ฝุ่นไทยคว้าเหรียญทอง 4×100 เมตรมาครองได้สำเร็จ
หลังจากที่ทีมวิ่งผลัดไทยคว้าเหรียญทอง 4×100 ในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 15 พ.ศ. 2549 และกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย พ.ศ 2550
จากนั้นทีมกรีฑาประเภทลู่ของไทยก็ซบเซา มีการเปลี่ยนถ่ายนักวิ่งระยะสั้นมาหลายรุ่นจนมาถึง จิระพงษ์ มีนาพระ ทีมชาติไทยก็กลับมาประสบความสำเร็จในประเภทวิ่งผลัด 4×100 เมตรที่สามารถคว้าอันดับ 1 ได้ในกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย ปี พ.ศ. 2562 (2019)
::
มาถึงปีนี้ (พ.ศ.2565) ปรากฎการณ์ “เทพบิว” ภูริพล บุญสอน ก็ช่วยเปิดประตูความหวังในการวิ่งระยะสั้นของไทยขึ้นมาอีกครั้ง
โดย ภูริพล หนุ่มน้อยวัย 16 ปี สามารถทุบสถิติวิ่ง 100 เมตร ของ เหรียญชัย ที่อยู่มานานกว่า 24 ปี ลงได้
แล้วยังสามารถทำลายสถิติตัวเองลงได้ด้วยเวลา 10.09 วินาที ซึ่งถือเป็นสถิติโลกสำหรับนักกรีฑาอายุน้อยกว่า 18 ปี จนสามารถคว้าอันดับที่ 4 มาจากรายการกรีฑาชิงแชมป์โลกเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีที่ประเทศโคลอมเบียที่เพิ่งจบลงไป
แฟนกรีฑาไทย รวมทั้งสมาคมกรีฑา ต่างรอให้ ภูริพล สะสมประสบการณ์ สร้างกล้ามเนื้อ ฝึกทักษะอีกสักหน่อย แก้ไขการออกตัวได้อีกนิด
ลมกรดระยะสั้นของเราที่ร้างลาจากความสำเร็จในระดับสูงกส่าซีเกมส์มานานหลายสิบปี น่าจะได้ “เทพวัยรุ่น” ที่ชื่อบิว กลับมาสร้างความภาคภูมิใจกับคนไทยอีกครั้ง
#PlayNowThailand#khelnow#วิ่ง100เมตร
ป.ล. สถิติ 100 เมตร ของสี่ตำนาน
อาณัติ 10.39 วินาที (ปี 1975 อายุ 28) (สถิติโลกตอนนั้น 9.95 วินาที)
สุชาติ 10.44 วินาที (ปี 1978 อายุ 27) (สถิติโลกตอนนั้น 9.95)
สุเมธ 10.36 วินาที (ปี 1987 อายุ 29) **รอคอนเฟิร์ม** (สถิติโลกตอนนั้น 9.95)
เหรียญชัย 10.23 (ปี 1998 อายุ 22) (สถิติโลกตอนนั้น 9.85)
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม