แต่ชื่อนี้ถูกบันทึกลงในวงการสนุกเกอร์ว่า เขาคือนักสนุกเกอร์ที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถทำแม็กซิมัมเบรค หรือ การแทงหมดโต๊ะตั้งแต่แดง-ดำแรกจนถึงแดง-ดำสุดท้าย แล้วค่อยๆ ไล่เก็บลูกเหลือง เขียว ชอล์ก น้ำเงิน ชมพู และ ดำ ได้ภายในไม้เดียว ในการเผชิญหน้ากับ เเบร์รี ฮอล์คกินส์
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ปี 2010 ซึ่งในวันนั้นผู้ชายคนนี้มีอายุเพียงแค่ 16 ปี 312 วันเท่านั้นเอง
แล้วหลังจากนั้นอีกหนึ่งปี ธนวัฒน์ ถิรพงษ์ไพบูลย์ คนเดิมก็สามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกอายุไม่เกิน 21 ปี เมื่อปี 2011 ได้สำเร็จ ด้วยวัยยังไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์
นั่นจึงทำให้ แมน นครปฐม ชื่อที่แฟนสนุกเกอร์ชาวไทยคุ้นเคย ได้โด่งดังในยุทธจักรสอยคิวระดับโลก จนทำให้กลายเป็นความหวังใหม่ของวงการสนุกเกอร์เมืองไทยในทันที
แต่แล้วในปีต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตที่กำลังจะรุ่งเรืองของเขา
ไม่ว่าเราจะอธิบายสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาพังลงเพียงแค่ 1 บรรทัด หรือ 100 ย่อหน้า ก็คงไม่มีคำจำกัดความใดที่จะทำให้เราเข้าใจได้มากไปกว่าคำว่า “ล้มสนุ้ก” สั้นๆ
แล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้เขาต้องทรยศวิชาชีพของตนเอง จะเพื่อตอบแทนบุญคุณ, เพื่อเงิน หรือ เพราะอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่ตามมาก็คือชีวิตที่พังลงจนไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
::
ชีวิตของคนเราทุกคนล้วนถูกสอนว่า ล้ม แล้วต้องลุก
แต่ก็มีคำสอนอีกหนึ่งประโยคที่ว่า การกระทำทุกอย่างมีทั้งรายรับ และ รายจ่าย
ซึ่งสิ่งที่ แมน เคยทำลงไปมีรายจ่ายที่มาในเรื่องของโทษแบนที่เขาเองก็ไม่มีวันรู้ว่าจะชำระครบเมื่อใด
พรสวรรค์, โอกาส, บุญคุณ, การตอบแทน, ความผิดถูก และ บทลงโทษ คือ บทสรุปชีวิตของ แมน นครปฐม ที่ลงตัวที่สุด
แต่เราไม่สามารถคิดแทนเขาได้หรอกว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปนั้น ถูก ผิด เหมาะ ไม่เหมาะ สมควร ไม่สมควร ชนิดใช่เลย 100%
เพราะว่าในสถานการณ์ที่เขาเล่าให้พวกเราฟังนั้น เราไม่ได้ไปนั่งเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นร่วมกับเขา เราจึงไม่สมควรไปตราหน้าว่าเขาคือคนไม่ดี, เป็นกาฝากสนุกเกอร์ไทย หรือ จะทำให้นักสนุกเกอร์ไทยคนอื่นถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม
แต่เราสามารถนำเอาเรื่องราวของเขามาเตือนใจได้ว่า นักสนุกเกอร์ของบ้านเราได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอแล้วหรือยัง หรือ เมื่อไรที่วงการสนุกเกอร์บ้านเราจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้เติบโตได้อย่างเต็มที่เสียที
ถ้าสิ่งที่ แมน นครปฐม ได้เล่าออกมานั้นคือเรื่องจริง ทุกคำพูดของเขาช่วยทำให้เราได้เข้าใจอะไรบ้าง โดยเฉพาะบุคลากร และ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับกีฬาประเภทนี้
ส่วนตัวของแมนนั้น เขาก็ต้องก้มหน้ารับสิ่งที่ได้ทำลงไป พร้อมกับหวังว่าพรสวรรค์ของเขาจะยังคงดีพอที่จะทำให้ยังคงหาเลี้ยงชีพได้เพื่อรอคอยวันที่หมดหนี้พวกนี้เสียที ทั้งหนี้บุญคุณ และ หนี้แบน
ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น แมน นครปฐม จะยังสนใจไปเวทีโลกหรือไม่ เพราะในวันนั้นอายุของเขาก็ยังไม่มากจนเกินไปที่จะเดินตามหาความฝันที่เคยมี
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม