สหพันธ์เปตองโลกส่งจดหมายสั่งแบน ไทยห้ามจัดแข่งขันในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 “พิมล” รับช่วยเต็มที่แล้ว
ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และ ประธานมนตรีซีเกมส์ ร่วมกับ นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ (COO) และ ศ.ดร.เจริญ วรรธนะสิน รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีปัญหาการจัดแข่งกีฬาเปตอง และ ส่งนักกีฬาเข้าร่วมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ห้องประชุม 1 คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ
ประธานโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการโอลิมปิคฯ ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก มร.คลอดด์ เอซีม่า ประธานสหพันธ์สหพันธ์กีฬาเปตองและโบว์ลโลก (WPBF) แจ้งถึงวิกฤติปัญหาที่เกิดขึ้นกับกีฬาเปตองในประเทศไทย หลังสหพันธ์ฯได้ทำการตัดชื่อสมาคมกีฬาเปตองไทยออกจากการเป็นสมาชิกเปตองโลก และตัดสิทธิห้ามนายกสมาคมกีฬาเปตองที่กระทำการที่ขาดความรับผิดชอบของผู้นำองค์กร ซึ่งไม่สมควรกับตำแหน่งนายกสมาคมฯ โดยได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตน อันยังความเสียหายให้แก่กีฬา และบรรดานักกีฬานับพันคนทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่แฝงตัวอยู่ในสมาคมเปตองฯ ทั้งๆ ที่ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวตลอดชีวิต จากข้อกล่าวหา การยักยอกเงิน ทุจริตการเลือกตั้ง และการคุกคามทางเพศ ซึ่งนำไปสู่การที่สมาคมเปตองๆ ถูกขับออกจากสมาชิกระหว่างประเทศ
พร้อมกันนี้ในหนังสือของสหพันธ์เปตองโลก ยังระบุถึงการยอมรับในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการกลางเปตอง ที่ได้รับการแต่งตั้งโดย คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทน คณะกรรมการโอลิมปิดแห่งประเทศไทยๆ ร่วมกับ กกท. และสมาคมโบว์ลแห่งประเทศไทย (ซึ่งเป็นสมาคมที่สหพันธ์ฯ ให้การรับรอง) เข้ามาดำเนินการแทน ซึ่งทางสหพันธ์ฯ ให้การรับรองกีฬาเปตองในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และรับรองให้คณะกรรมการกลาง ดำเนินการเตรียมและจัดส่งนักกีฬาไทยลงแข่งขันได้
ทั้งนี้ประธานสหพันธ์เปตองโลก ได้แจ้งอีกว่า ขณะนี้ทางสหพันธ์ฯได้รับทราบว่า องค์กรที่มีชื่อว่า กกท. ปฏิเสธที่จะยอมรับและดำเนินการตามข้อเสนอของ คณะกรรมการกลางๆ ทั้งๆ ที่บุคลากรของ กกท.เองก็ร่วมอยู่ในคณะกรรมการกลางชุดนี้ นายกสมาคมฯ ท่านนี้ ยังคงนำเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ที่สนับสนุนกีฬาเปตอง ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน อย่างต่อเนื่องเราไม่อาจจะทนให้กีฬาของเรา ซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างแพร่หลาย ทั้งยังได้รับการรับรองจากโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี อย่างเป็นทางการ ถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของใครบางคนในทางที่ไม่ถูกต้องต่อไปได้ เมื่อท่านนายกสมาคมฯ ท่านนี้ ขาดความสามารถและความเหมาะสมในการจัดการแข่งขันเปตอง ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความจำเป็นที่จะปฏิเสธการจัดการแข่งขันเปตองใน กีฬา ซีเกมส์ที่จะมาถึงนี้ พร้อมกันนี้ เราจะได้แจ้งให้กับสหพันธ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบว่า หากชาติใด ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ จะถูกห้ามเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ เป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงซีเกมส์ครั้งหน้า ที่มาเลเซีย ในปี 2027 ซึ่งรวมถึง การแข่งขัน เวิลด์ เกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ และ เอเชี่ยน มาสเตอร์ เกมส์ เป็นต้น
ช่วงท้ายในเอกสารจากประธานสหพันธ์เปตองโลก ยังระบุว่า สหพันธ์ฯ จะแจ้งข้อยุตินี้ให้แก่ คณะกรรมการโอลิมปิคชาติต่างๆ ที่เกี่ยวของกับการแข่งขันซีเกมส์ให้ได้ทราบ รวมถึงรัฐบาลไทย ถึงเหตุผลที่ทำให้นักกีฬาพลาดโอกาสในการได้รับเหรียญรางวัลและตำแหน่งต่างๆ อันเนื่องมาจากบุคคลคนเดียว ทั้งๆ ที่คนผู้นั้นควรจะถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการกีฬาตลอดชีวิต
ผศ.พิมล กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือจากประธานสหพันธ์เปตองโลกฉบับล่าสุดนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่จบแล้วสำหรับกีฬาเปตองในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 แม้จะเป็นการจบไม่สวยก็ตาม ก็ถือว่าที่ผ่านมา คณะกรรมการโอลิมปิคไทยและคณะกรรมการกลางที่ตั้งขึ้นมาก็พยายามที่จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาเพื่อให้กีฬาเปตองเดินหน้าไปได้ โดยยึดประโยชน์ของประเทศ และ นักกีฬาเป็นสำคัญ แต่ที่ผ่านมาทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็พยายามที่จะไม่ยึดถือตามแนวทางของสหพันธ์เปตองโลก จนมาถึงขั้นที่สหพันธ์ฯต้องทำหนังสือแจ้งไม่รับรองให้จัดเปตองในซีเกมส์ และ ที่หนักสุดคือ การคาดโทษสำหรับประเทศในอาเซียนที่จะส่งนักกีฬาเปตองเข้าแข่งซีเกมส์ก็จะถูกแบนจากสหพันธ์ฯด้วยเช่นกัน
“ที่ผ่านมาคณะกรรมการโอลิมปิคฯ และ คณะกรรมการกลาง พยายามที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อให้กีฬาเปตองเดินหน้าต่อได้ เนื่องจากเป็นสมาคมกีฬาที่ยู่ในพระราชินูปถัมภ์ แต่เมื่อ กกท.เห็นต่างไปจากเรา นายทะเบียนกกท.ยังให้การยอมรับและรับรองคณะกรรมการสมาคมฯที่มีปัญหากับสหพันธ์เปตองโลก และ ยังไม่ยอมรับนักกีฬาที่คณะกรรมการกลางที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฯ คัดเลือกและส่งแข่งขัน ซึ่งนักกีฬาชุดนี้ก็เพิ่งไปคว้ารางวัลชนะเลิศในกีฬาเปตองชิงแชมป์โลก 3 รายการ และได้เหรียญทองแดง 1 รายการจากการชิงชัยทั้งหมด 5 รายการ ผมก็ถือว่าเป็นผลงานที่ประจักษ์และสามารถหวังผลถึงซีเกมส์ได้ แต่น่าเสียดายที่กกท.ยังพยายามทำในสิ่งที่ขัดแย้งข้อรับรองของสหพันธ์เปตองโลกจนเป็นเหตุให้กีฬ่เปตองไม่สามารถจัดแข่งได้ในซีเกมส์ครั้งนี้”
ด้านนายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้ในส่วนของโอลิมปิคไทยเกี่ยวข้องกับกีฬาเปตองในซีเกมส์ก็ถือว่าจบแล้ว แต่นักกีฬาเปตองไทยก็ไม่ต้องเสียใจแม้จะไม่ได้แข่งในซีเกมส์ เพราะคณะกรรมการกลางชุดนี้ยังได้รับการรับรองจากสหพันธ์เปตองโลกที่สามารถส่งนักกีฬาเข้าแข่งรายการนานาชาติ รวมถึงเอเชี่ยนเกมส์ที่ญี่ปุ่นในปีหน้าด้วย หลังจากนี้ก็อยู่ที่ กกท.แล้วว่าจะรับผิดชอบอย่างไรกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
“หลังจากนี้ผมก็จะทำหนังสือให้คุณพิมล ศรีวิกรม์ ในฐานะประธานมนตรีซีเกมส์เซ็นต์เพื่อเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่รับทราบถึงกรณีปัญหาเปตอง และ เพื่อขอให้อนุมัติให้ขยายวันในการส่งชื่อนักกีฬาลงแข่งซีเกมส์ ในส่วนของประเทศสมาชิกที่จะปรับชนิดกีฬาแข่งแทนกีฬาเปตองได้” นายชัยภักดิ์กล่าว
สำหรับผลงานนักกีฬาเปตองไทยที่เข้าร่วมในการแข่งขันเปตองชิงแชมป์โลก ที่อิตาลี ระหว่างวันที่ 17-22 กันยายน 2568 โดยมีนักกีฬาจาก 51 ประเทศลงแข่ง 5 รายการ ปรากฎว่า นักกีฬาไทยคว้ามา 3 เหรียญทอง คือ รชตะ คำดี กับ สราวุธ ศรีบุญเพ็ง จากคู่ชาย, นันทวัน เฟื่องสนิท กับ คันทรส ชูช่วย จากคู่หญิง, คันทรส ชูช่วย จากหญิงเดี่ยว และอีก 1 เหรียญทองแดง สราวุธ ศรีบุญเพ็ง กับ นันทวัน เฟื่องสนิท จากคูผสม