ขึ้นชกที่เวทีมวยราชดำเนินยุคปรับปรุงใหม่ในรอบ 18 ปี ด้วยข้อมูลที่ว่าไฟต์นี้เป็นไฟต์พิเศษ, ไม่มีคำตัดสิน และ คู่ชกคือมือใหม่ป้ายแดงที่ไม่ถนัดการยืนสู้
โคตะ มิอูระ แทบจะไม่เชื่อว่าเขาจะได้ขึ้นชกจริงๆ กับหนึ่งในฮีโร่บนสังเวียนของเขา จนต้องสอบถามผู้จัดการว่านี่คือเรื่องจริงใช่ไหมอยู่หลายรอบ
ท่ามกลางการโปรโมทที่สื่อไปในทาง เสือเฒ่าวัยเก๋า กับ นักสู้หนุ่มรูปหล่อพ่อดัง บัวขาวอาจจะเครียดเรื่องรูปแบบการชกของตนมากกว่าเรื่องอื่นด้วยซ้ำ
ยอดแชมป์เควันมองข้ามเรื่องวัย, เรื่องห่างเวที, เรื่องกติกา และ เรื่องตนเองจะเสียท่าไปเลย
แต่เขาน่าจะใช้สมองคิดไปถึงเรื่องการวางแผนแบบยกต่อยกมากที่สุด ซึ่ง บัวขาว ย่อมได้ชมเทปย้อนหลังแมตซ์แรกของ โคตะ บนเวที MMA ที่เอาชนะคู่ชกแบบกรรมการยุติการชก
เขาคงมองออกแล้วว่าเมื่อตัดกติกาของ MMA ออกไป โคตะ ก็เท่ากับเสือหนุ่มที่ไร้เขี้ยวเล็บ
ในขณะที่ต่อให้มีการห้ามไม่ให้ฟันศอก และ จับคอตีเข่า ภายใต้กติกาคิก บ็อดซิง บัวขาวเองก็น่าจะรู้ตัวเองดีว่าการชกแบบนี้ยังอยู่ในวิถีทางของตนเช่นเดิม
การชกยกแรกจึงถูก บัวขาว ดีไซน์ให้ โคตะ ได้ออกอาวุธจนทำให้รู้ว่ากระดูกยังคนละเบอร์
การชกยกสองจึงถูก บัวขาว ดีไซน์ให้ โคตะ ใช้แรงให้มากที่สุด
การชกยกสามจึงถูก บัวขาว ดีไซน์ให้ โคตะ หมดแรงให้ได้ภายในยกนี้ซึ่งเป็นยกสุดท้าย
เพราะถ้าชกตามกติกามวยไทย ในยกสี่ และ ยกห้า บัวขาวจะชกไม่สนุกเพราะความลำบากใจ จนอาจทำให้ไฟต์นี้ดูเป็นปาหี่ราคาถูก หรือ อาจจบลงด้วยการกลายเป็นการฆาตกรรมบนเวที ดังนั้นยกสาม บัวขาว จึงต้องชกอย่างที่ปรากฏตามนั้น
บัวขาวจึงจำเป็นต้องระวังตัวแบบมิให้เผลอจนโดนอาวุธระดับฟ้าประทานที่มาในรูป “เปรี้ยงเดียวอยู่” ของ โคตะ แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็ต้องระวังไม่ให้อาวุธอันหนักหน่วงของตนเองไปทำลายอาชีพที่ยังยาวไกลของ โคตะ อีกด้วย
::
แน่นอนว่ามันไม่สนุกสำหรับ บัวขาว เลย เพราะเขาเองคือผู้ที่รัก และ เคารพในวิชาชีพ แต่ตัวเขาเองยังต้องทำตัวมีจรรยาบรรณที่ดีตลอดการชกนั้น รวมทั้งต้องเคารพคู่แข่ง แถมยังต้องไม่ลืมว่านี่คือไฟต์พิเศษกับคู่ชกที่เสียเปรียบเขาทุกประตู
บัวขาวสามารถปิดเกมได้ด้วยการน็อคตั้งแต่ยกแรก แต่มันจะทำให้ผู้จัด กับ คนดูไม่สนุก และ ไม่ยุติธรรมกับคู่แข่ง
บัวขาวสามารถเตะแล้ววนไปจนครบสามยกได้ แต่มันจะเป็นการดูถูกดูแคลนตนเอง และ วิชาชีพ
บัวขาวสามารถไล่ยำแบบเลี้ยงไข้จนครบสามยกได้ แต่มันจะโหดร้ายเกินไปสำหรับคู่ชกรุ่นลูก
บัวขาวสามารถชกแบบเหรือชั้นจนครบยกเพื่อทำให้ โคตะ และ กองเชียร์ได้อาย แต่มันไม่ใช่วิสัยของเขา
บัวขาวจึงใช้การชกแบบให้เกียรติตนเอง เคารพวิชาชีพ เอาใจผู้จัด ใส่ใจกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง และ ไม่เอาเปรียบคู่ชก ด้วยการชกแบบอย่างที่เราได้เห็น
จนสุดท้ายระบบหายใจ กระดูกมวยของโคตะ และ ดุลยพินิจของกรรมการ คือ จุดที่ทำให้ไฟต์นี้จบอย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพราะถ้าไม่อย่างนั้น โคตะ จะไม่ได้นำใบหน้าที่เกือบจะไร้ริ้วรอย และ ร่างกายที่แทบไม่บอบช้ำกลับสู่สังเวียนที่เขาถนัดแน่นอน
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม