“รูดิเกอร์ รู้ดีว่าคู่แข่งจะวิ่งมาไม่ทัน และ กำลังจะเสียบอล เขาจึงยกขาขึ้นมาแบบนั้น
คุณไม่ควรไปดูหมิ่นดูแคลนฝ่ายตรงข้าม เพราะเคยมีหลายครั้งที่สถานการณ์พลิกกลับมาได้เสมอ
ผมคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่มืออาชีพควรจะทำมากๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ปกติ เป็นความหยิ่งผยอง และ ไม่มีความคิดที่จะป้องกันเลย
แล้วเขาก็หัวเราะออกมา ซึ่งในตอนนี้มีเพียงทีมเดียวที่ได้หัวเราะหลังจบเกม
ผมไม่รู้ว่าจะมีใครยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกหรือเปล่า แต่ที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะรับไม่ได้
มันควรมีเรื่องของสปิริตในเกม และ ต้องมีความเคารพต่อกัน ซึ่ง รูดิเกอร์ ไม่เคารพคู่แข่ง แล้วเขาก็ต้องจ่ายราคาค่าความไม่เป็นมืออาชีพแบบนั้นในที่สุด”
ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตตำนานทีมชาติเยอรมนีนำเรื่องที่ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ วิ่งบังบอลด้วยท่าอันแปลกประหลาดขึ้นมาพูด
สำหรับแฟนบอลของ เชลซี , เรอัล มาดริด และ เอฟซีของรูดิเกอร์ พวกเขาคุ้นตากับท่าวิ่งแนวนี้อยู่แล้ว
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว ว่าสิ่งที่กระทำลงไปมันเป็นเทคนิคการวิ่งที่วงการวิ่งเรียกว่า drill – straight leg สำหรับใช้ในการซ้อมวิ่ง หรือ เป็นการเซฟกล้ามเนื้อมัดเล็กแถวๆ แฮมสตริง ด้วยการใช้กล้ามที่มัดใหญ่กว่าของนักวิ่งระยะสั้น
หรือ เป็นเพียงความเกรียนปกติที่ไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนของเขาเท่านั้น
ถ้าหากว่า การเดาะบอลของ ริชาร์ลิซอน กับ การควงบอลหมุน 720 องศาของ แอนโทนี สามารถตีความได้ว่าเป็นการไม่เคารพคู่แข่ง
จึงไม่แปลกเลยที่ลักษณะการวิ่งของกองหลังเยอรมนีจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทำนองดียวกัน
ด้วยอุปนิสัยของ รูดิเกอร์ เป็นคนห่ามๆ เกรียน เขาจึงคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา เพื่อนเฮฮา แฟนบอลชอบ คู่แข่งเสียอารมณ์
ถ้าหากคู่แข่งของเขาแย่งบอลได้ รูดิเกอร์ ก็แค่เสียเหลี่ยม
ถ้าหากคู่แข่งของเขาหลงเหลี่ยม รูดิเกอร์ ก็ได้ฟาวล์ ได้ฆ่าเวลา หรือ เรียกใบแดงได้
แค่ถ้าหากหมดเวลาแล้วเขาแพ้ โดยเฉพาะในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายต่อชาติที่เป็นรองสุดกู่ นั่นจึงเป็นความพ่ายแพ้ท่ามกลางสายตาที่ต่างจิตต่างใจ ต่างวัฒนธรรม ต่างมุมมอง
รูดิเกอร์ จึงต้องจ่ายค่าการกระทำของตนเองด้วยความพ่ายแพ้ เสีนงเยาะเย้ย และ ถูกตำหนิ
ส่วนเขาจะเข็ดหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง เพราะก็ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำเช่นกัน
#PlayNowThailand #khelnow #football