Link Copied!

เมื่อผมเป็น อาร์บิเตอร์ ตอน พาตัวเล็กไปแข่งหมากรุก #1

ประสบการณ์ของผู้เขียนเมื่อไปทำหน้าที่เป็น “อาร์บิเตอร์” หรือกรรมการผู้ตัดสินและควบคุมการแข่งขันหมากรุก ท่ามกลางบรรยากาศในห้องจัดการแข่งขันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขัน แต่เงียบงันแทบไร้เสียงใดๆ นอกจากเสียงขยับตัวหมากบนกระดาน ในเกมที่เต็มไปด้วยกฎกติกาซับซ้อน กลับพบว่ามี “ยัยตัวเล็ก” เด็กหญิงอายุเพียง 4 ขวบที่สนใจตามติดชมเกมหมากรุกสากลราวต้องมนต์สะกด

ในทัวร์นาเมนต์การแข่งขันหมากรุก นอกจากผู้เล่น ผู้แข่งขันแล้ว อีกหนึ่งบุคคลที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือ กรรมการผู้ทำหน้าที่ตัดสินเกมและคอยควบคุมการแข่งขันให้ดำเนินไปและเสร็จสิ้นลงด้วยความเรียบร้อย หรือในแวดวงการแข่งขันหมากรุกจะเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “อาร์บิเตอร์” (Arbiter) นั่นเอง

เมื่อกีฬามีการแข่งขัน ระหว่างทีมต่อทีม ผู้เล่นต่อผู้เล่น ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อพิพาทของนักกีฬาผู้เล่นในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งก็มาจากสาเหตุของการพยายามรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตนเองไม่ให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมักเป็นเรื่องการละเมิดกฎกติกาและข้อบังคับของประเภทกีฬานั้นๆ บางชนิดกีฬาก็ดูไม่มีอะไรยุ่งยากมากมาย ผู้เล่นและผู้ชมต่างเข้าใจกฎกติกาของเกมกีฬานั้นได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะความคุ้นเคย ความเป็นที่นิยมในวงกว้าง บางชนิดกีฬาก็อาจจะมีกฎกติกาที่ดูยุ่งยากซับซ้อนจนดูปวดหัว ไม่เข้าใจ ไม่น่าจะสนุก และบางทีอาจจะไม่เหมาะกับเด็กเลยด้วยซ้ำ

ในรายการแข่งขันหมากรุกโดยทั่วไปแล้ว มักมีบรรยากาศของห้องจัดการแข่งขันที่ใหญ่โต โอ่โถง กว้างขวาง จัดวางโต๊ะและเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบ มีชุดหมากรุกพร้อมกระดาน มีผู้เล่นผู้แข่งขันอัดแน่นแทบทุกที่นั่ง แต่บรรยากาศแทบจะปราศจากสุ้มเสียงอะไร นอกจากเสียงขยับเดินตัวหมากบนกระดานปนมากับเสียงกดนาฬิกาจับเวลาดังลอยมาเบาๆ เท่านั้น

คุณอาจจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อกวาดมองไปในกลุ่มนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน และพบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุเพียง 4 ขวบครึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กแบบที่ติดตั้งมาในรถยนต์ กำลังชะโงกตัวและเอื้อมมือสุดแขนเพื่อขยับเดินตัวหมากที่วางอยู่ไกลชิดขอบกระดาน

ครับ เด็กผู้หญิงอายุเพียง 4 ขวบครึ่ง เข้าร่วมแข่งขันรายการหมากรุกสากลเกมมาตรฐาน แบบที่ต้องจดบันทึกการเดินหมากทุกตาเดินลงในใบสกอร์ชีท จะบอกให้ครับว่า แค่ชื่อของเธอ เธอยังเขียนไม่ได้เลย แถมไม่รู้จักตัวหนังสือภาษาอังกฤษอีกต่างหาก ซึ่งการจดบันทึกการเดินหมากลงในใบสกอร์ชีทนั้น จะต้องจดบันทึกด้วยภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นอีกประมาณสามสี่ภาษา ตามข้อบังคับของสหพันธ์หมากรุกสากลนานาชาติ หรือตามที่ผู้จัดการแข่งขันยินยอมให้ใช้จดเท่านั้น

แล้ว ยัยหนูคนนี้ทำได้อย่างไร ผมจะเล่าให้ฟัง จุดเริ่มต้นของเธอคือ เธอมีพี่ชายเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมปีที่ 3 ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการสอนเกมหมากรุกสากลและหมากกระดานประเภทอื่นๆ อีกหลายประเภทให้แก่นักเรียนที่สนใจหลังเลิกเรียนจากชั่วโมงเรียนปกติ พี่ชายวัย 7 ขวบของเธอเลือกเรียนเกมหมากรุกสากล และนี่ส่งผลให้เธอเริ่มมีความสนใจกับเกมหมากกระดานประเภทนี้

พี่ชายของเธอสอนให้เธอเดินหมากรุกสากล เท่าที่ความรู้ของเขาจะสอนได้ บวกกับความช่วยเหลืออย่างเต็มใจของคุณแม่ของเธอ ซึ่งบอกกับผมว่า จะรู้สึกดีมากๆ เวลาที่เห็นลูกสาวคนนี้นั่งเฝ้ามองกระดานหมากรุกแล้วเอียงคอไปมา คุณแม่นั้นจริงจังกับการเรียนและเล่นหมากรุกสากลของลูกชายมาก โดยไม่บังคับแต่บอกกับเขาว่าถ้าเอาจริงเอาจังไม่เบื่อง่าย คุณแม่จะหาโรงเรียนสอนหมากรุกโดยเฉพาะ หรือหาโค้ชมาสอนให้ เพื่อว่าลูกชายจะได้มีอะไรอีกสักอย่างไว้ยึดติด นอกจากเรื่องเรียนตามปกติ และการตีแบดมินตันที่เป็นกีฬาออกแรงประจำครอบครัว

การพาพี่ชายไปเรียนไปฝึกซ้อมหมากรุกนั้น คุณแม่ก็จะพาเธอและน้องสาวฝาแฝดติดสอยห้อยตามไปด้วย (ลืมบอกไปว่าเธอมีน้องสาวฝาแฝด) นี่ยิ่งทำให้เธอสนใจและเอาใจใส่กับเกมหมากรุกสากลมากยิ่งขึ้น เวลาโค้ชสอนพี่ชาย เธอก็ไปยืนเกาะโต๊ะอยู่ข้างๆ กระดาน คอยติดตามดูว่าโค้ชสอนอะไรบ้าง นี่คงเข้าทำนองครูพักลักจำ แล้วเธอก็จดจำมาไว้เป็นความรู้ส่วนตัว เก็บกลับมาฝึกซ้อมต่อสู้กับพี่ชายที่บ้าน คุณแม่เคยมีความคิดจะลองส่งเธอไปเรียนหมากรุกสากลเหมือนพี่ชาย เพราะดูท่าว่าน่าจะไปด้วยดี เพราะด้วยความสนใจและรักในเกมหมากรุกอยู่แล้ว ตัวเธอเองก็เคยแอบๆ ถามคุณแม่ว่า ทำไมเธอไม่ได้เรียนหมากรุกอย่างพี่ชายบ้าง คุณแม่ตอบว่า รออีกหน่อยนะ เพราะตอนนี้หนูยังเล็กเกินไป โค้ชบอกว่ารอให้โตกว่านี้อีกหน่อย เดี๋ยวค่อยเรียน ซึ่งเธอก็รับฟังแต่โดยดี ก็อาศัยครูพักลักจำไปก่อน

โรงเรียนที่พี่ชายเรียนอยู่นั้นอยู่ในเครือโรงเรียนสาธิต ภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลของคณะศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ในช่วงปลายปีเครือโรงเรียนสาธิตทั้งหมดจะร่วมกันจัดงานมหกรรมกีฬาสาธิตสามัคคีประจำปี ซึ่งแน่นอนว่าพี่ชาย ป.3 ก็ไปร่วมแข่งขันในประเภทกีฬาหมากรุกสากล และสามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาให้คุณแม่ได้ เหตุการณ์นี้คงจะมีผลกระทบใจของสาวน้อย เธอรู้ว่าคุณแม่ดีใจมาก แม้จะไม่แสดงออกให้เห็น และคิดว่าถ้ารักคุณแม่ต้องทำให้คุณแม่ดีใจ ภูมิใจ คราวนี้เลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่า ถ้ามีงานแข่งขันหมากรุกสากล เธอจะขอคุณแม่เข้าร่วมแข่งขันในครั้งต่อๆ ไป

คุณแม่เล่าว่า พอเอาเข้าจริง เมื่อมีการจัดการแข่งขันหมากรุกสากลมาตรฐานเกิดขึ้น สาวน้อยกลับเกิดอาการปอดลอยขึ้นมาซะอย่างนั้น คงเพราะบรรยากาศในห้องโถงการแข่งขัน มันช่างดูเคร่งขรึม เงียบเชียบ จนรู้สึกน่าอึดอัด อีกทั้งมองๆ ไปรอบห้องจะหาเพื่อนเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอก็ไม่มี ที่เล็กสุดก็เป็นรุ่นพี่ชายของเธอ เรียกว่า “ยู แปด อันเดอร์เอต” หรือ รุ่นอายุต่ำกว่า 8 ปี ซึ่งเวลาทำการแข่งขัน ก็นั่งกันเงียบเรียบร้อย ไม่มีการพูดคุยหรือวิ่งเล่นกระเซ้าเย้าแหย่กัน ตัวเธอในตอนแรกนั้น สภาพจิตใจยังคงไม่พร้อมรับแรงกดดันในลักษณะนี้สักเท่าไร ยิ่งเห็นนักหมากรุกรุ่นเล็กบางคน เมื่อประสบความพ่ายแพ้ในเกมการแข่งขัน เดินสะอื้นร้องไห้ออกจากห้องแข่งขัน วิ่งโผเข้ากอดคุณพ่อคุณแม่ สาวน้อยยิ่งรู้สึกตกใจและหวั่นเกรงมากขึ้นไปอีก แต่คุณแม่ก็ยังพาเธอติดสอยห้อยตามไปด้วยทุกครั้งถ้ามีโอกาส หรือเกือบทุกครั้งที่พี่ชายเข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเมื่อเธอรักที่จะเล่นหมากรุก การแข่งขันของเธอก็คงต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่งแน่นอน

เมื่อผมทำหน้าที่เป็นอาร์บิเตอร์ในงานแข่งขัน ก็มีโอกาสได้เห็นหน้าตาเธอบ่อยๆ บวกกับผมเองก็ทำหน้าที่โค้ชและเป็นผู้ฝึกสอนให้กับทีมนักเรียนหมากรุกไทยชั้นประถม โรงเรียนเดียวกับพี่ชาย ป.3 ของเธอ เราสองคนเลยค่อนข้างจะคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง ถ้าการแข่งขันรายการไหนทางผู้จัดฯ อนุญาตให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาชมบรรยากาศการแข่งขันได้ ผมก็จะเห็นเด็กหญิงตัวเล็กคนนี้เดินเข้ามาในห้องแข่ง และแวะเวียนไปยืนเกาะขอบโต๊ะดูเกมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด จริงๆ แล้ว ตามระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้ชมหรือบุคคลใดก็ตามไม่สามารถเข้าไปยืนชมหรือดูเกมการแข่งขันในลักษณะใกล้ชิดแบบนั้นได้ เพราะผู้เล่นผู้แข่งขันอาจจะเสียสมาธิหรือสติหลุด แล้วอาจจะประท้วงหรือร้องเรียนต่อกรรมการหรือผู้จัดจนเสียบรรยากาศการแข่งขันไป ถ้ากรรมการเห็นการกระทำในลักษณะดังกล่าวก็ต้องรีบเข้าไปจัดการแก้ไข แต่คงเป็นเพราะเธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ศีรษะโผล่พ้นขอบโต๊ะมานิดเดียว เลยอาจไม่ค่อยเป็นที่สังเกตของผู้แข่งขัน และเธอไม่เคยวิ่งเล่นหรือส่งเสียงอะไรรบกวน ยืนเกาะขอบโต๊ะดูเกมอย่างนิ่งเงียบ นานๆ ครั้งจะเงยหน้าแอบสังเกตลักษณะอาการท่าทีของผู้แข่งขันบ้างตามแต่สถานการณ์

ถ้าเธอมายืนชมเกมในส่วนของผู้แข่งขันที่ผมทำหน้าที่ดูแลอยู่ แรกๆ ผมก็เคยกระซิบเตือนไปบ้างแล้วว่าควรจะถอยห่างออกมา แต่ก็จะมีเด็กๆ คนอื่นเข้าไปยืนเกาะขอบโต๊ะแทนเธอ และไปยืนบังสายตา เบียดแย่งตำแหน่งจุดชมเกมไป ผมก็เลยไม่ค่อยได้ห้ามปรามสักเท่าไรในภายหลัง การที่เด็กๆ เข้าไปดูเกมการแข่งขันแบบใกล้ชิดติดขอบโต๊ะ ถ้าไม่ทำอะไรรบกวนผู้เล่นหรือผู้แข่งขันมากเกินไป และผู้เล่นเองก็ไม่ได้ร้องเรียนหรือประท้วง ผมเองโดยส่วนตัวก็จะปล่อยให้คงสภาพบรรยากาศแบบนั้นเอาไว้ เพราะสังเกตด้วยตัวเองกลับพบว่า การที่กรรมการต้องเข้าไปเตือนหรือห้ามปรามผู้ชมเด็กบ่อยๆ นี่แหละ กลับเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิและขัดจังหวะผู้เล่นเอามากๆ ปล่อยและเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ซึมซับความเป็นไปของเกมและบรรยากาศการแข่งขัน ดูน่าจะมีประโยชน์และผลดีมากกว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ กรรมการท่านอื่นๆ ก็อาจจะยึดแนวทางและหลักปฏิบัติแตกต่างกันไป

ย้อนกลับมาที่ยัยตัวเล็กคนนี้ต่อครับ ผมแอบมองเวลาที่เธอยืนดูเกมการแข่งขัน สังเกตว่าเธอชอบเงยหน้ามองผู้เล่นคนที่เดินหมากและถูกอีกฝ่ายกินตัวหมากไป คงอยากดูสีหน้าของผู้เล่นว่าเป็นอย่างไร คนที่เดินหมากผิดพลาดในจังหวะตาเดินที่สำคัญ แต่ละคนก็จะมีอากัปกริยาสีหน้าแตกต่างกันออกไป คงเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับเธอ

ครั้งหนึ่ง เธอยืนดูเกมการแข่งขันของรุ่นโอเพ่นคู่หนึ่ง ในจังหวะที่ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งเดินหมากผิดพลาด ถูกกินตัวหมากสำคัญไป ผู้เล่นคนนั้นถึงกับยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้า ค้างอยู่อย่างนั้นนานเกือบครึ่งนาที สาวน้อยก็ยืนจ้องดูโดยไม่ละสายตาเช่นกัน จนผู้เล่นลดมือลง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพยายามรวบรวมสมาธิที่จะเดินหมากต่อไป แต่บังเอิญเหลือบสายตามามองเห็นใบหน้ากลม ตาโต แอบจ้องมองอยู่ข้างๆ โต๊ะ สองสายตาประสานกันอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่ผมซึ่งแอบคอยสังเกตการณ์อยู่จะรีบถลันเข้าไปดึงตัวสาวน้อยให้ถอยห่างออกมา ทั้งคู่ผู้เล่นและผู้ชมต่างก็เผยอยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น ก่อนที่ผู้เล่นจะรวบรวมสติสมาธิกลับไปเอาใจใส่กับเกมบนกระดานต่อ ส่วนสาวน้อยก็ยังเกาะขอบโต๊ะเฝ้าติดตามเกมหมากรุกเกมนั้นต่อไปเช่นกัน ผมก็เลยไม่ต้องทำอะไร

ผมสังเกตเห็นว่าเธอสามารถทำตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมด้วยการเฝ้าดูสิ่งต่างๆ อย่างเงียบๆ เนียนๆ ผมไม่เคยเห็นเธอโดนผู้เล่นบ่นว่าหรือท้วงติงอะไร ยามเมื่อเข้าไปดูเกมใกล้ๆ เธอจะยืนนิ่ง จ้องมองดูกระดานอย่างเอาใจใส่ ไม่พูดจาส่งเสียง ผมเลยตั้งฉายาให้เธอว่า เจ๊เฉยผู้เป็นมิตรกับทุกสิ่งแวดล้อม เรื่องราวของเจ๊เฉยยังมีต่อนะครับ ไว้ในโอกาสต่อไปผมจะมาเล่าเรื่องราวของเธอในฐานะที่เป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อยที่มีโอกาสมาเดินอยู่บนเส้นทางถนนสายหมากรุก ไว้รอพบกันใหม่ครับ

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares