ขอนแก่น ยูไนเต็ด ทีมลุ้นแชมป์ไทยลีก 2 กับ โจ้แจ๋ว สุวิทย์ ไปพรมราช วิงแบ็กของทีม ผู้ไม่ขอรอโอกาส
จากเดิมที่ใครๆ ก็มองว่าแชมป์ไทยลีก 2 คงตกไปเป็นของทีมอย่างหนองบัว พิชญ เอฟซี ถึงทุกวันนี้อะไรมันก็ไม่แน่ หลังจากที่ฟุตบอลไทยลีก 2 กลับมาเตะอีกครั้ง จากที่พักเบรกโควิดรอบ 2 ดูทรงว่าทีมจ่าฝูงอย่างหนองบัว พิชญ เอฟซี จะหายใจลำบากแล้ว เพราะผลงานช่วงหลังจากออกไปทางเสมอเสียส่วนใหญ่ และทีมอันดับ 2 อย่างขอนแก่น ยูไนเต็ด ตามติดมาเหลือไม่กี่แต้ม แถมศึกไทยลีก 2 ก็ใกล้จะปิดฉาก จะว่าไปขอนแก่น ยูไนเต็ดก็เป็นทีมที่น่ากลัว แถมยังมี เปาโล คอนราโด นักเตะชาวบราซิลของทีมที่นำเป็นดาวซัลโวไทยลีก 2 อยู่ถึงทุกวันนี้
หากเราไปดูตารางคะแนนไทยลีก 2 จะเห็นได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะอันดับ 1-6 มีคะแนนไม่ต่างกันมาก ว่ากันว่า 6 ทีมนี้สามารถลุ้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้เกือบทุกทีม แต่ทีมที่เราจะมาพูดถึงวันนี้ก็คือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เคยเลื่อนชั้นจากดิวิชัน 2 ขึ้นสู่ดิวิชัน 1 ได้เพียงแค่ปีเดียวก็มีเหตุให้ต้องถูกพักทีมเป็นเวลา 1 ฤดูกาล และเมื่อขอนแก่น ยูไนเต็ดได้สิทธิ์กลับมาแข่งขันอีกครั้งในปี 2018 ก็ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในลีกอาชีพระดับ 4 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ พวกเขาทำผลงานดีมาเรื่อยๆ กระทั่งเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2 ได้ฤดูกาลเดียวก็กลายเป็นทีมที่มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์และเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้ทันที
แน่นอนว่าขอนแก่น ยูไนเต็ดเป็นทีมฟุตบอลที่ดีเลยก็ว่าได้ หากดูจากผู้เล่นที่มีไม่ว่าจะเป็น ธนา ชะนะบุตร กองหน้าอดีตทีมชาติไทย อาทิตย์ สุนทรพิธ เจ้าพ่อลูกนิ่งอดีตทีมชาติไทยที่ผมติดตามตั้งแต่เริ่มดูฟุตบอลไทยช่วงแรกๆ เรียกได้ว่าคมกริบทุกลูกสมัยเขาค้าแข้งกับฉลามชล และ กฤษดา เหมวิพัฒน์ กองกลางไดนาโมมากประสบการณ์ที่เคยค้าแข้งกับเชียงราย ยูไนเต็ด, สุโขทัย เอฟซี และนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี มาแล้ว แถมในแดนหน้ายังมีตัวอันตรายอย่าง เปาโล คอนราโด ที่เป็นดาวซัลโวอยู่ตอนนี้ เรียกได้ว่าพวกเขาคือทีมที่แข็งแกร่งสุดๆ
อีกแข้งที่ผมให้ความสนใจและจับตามองเขาเป็นพิเศษคือนักเตะที่ชื่อว่า “โจ้แจ๋ว” สุวิทย์ ไปพรมราช วิงแบ็กตัวจี๊ดของทีม เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมขอนแก่น ยูไนเต็ดเลยก็ว่าได้ และชีวิตเขาน่าสนใจมากครับ ตั้งแต่เขารู้ตัวว่าจะเอาดีด้านฟุตบอล พอรู้ข่าวว่าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเปิดคัดตัวนักเตะอะคาเดมี เขาก็ไม่รอช้ากำเงิน 500 บาท พาสตั๊ดคู่ใจมุ่งหน้าไปตามหาฝัน ซึ่งเรื่องที่น่าสนใจก็คือ เขาเดิมพันทุกอย่างในการคัดตัวครั้งนั้น ซึ่งเขาบอกว่า “ผมมีเงินแค่นั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำผมจะกลับบ้านยังไงถ้าผมคัดตัวไม่ผ่าน” แต่ก็เหมือนว่าฟ้าจะยังไม่เปิด โจ้แจ๋วไม่ผ่านการคัดตัว แต่เขาก็หาทางกลับบ้านด้วยการขอติดรถคุณครูที่เขารู้จัก
เหตุการณ์ดับฝันในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้โจ้แจ๋วยอมแพ้ ใช่ครับ เขากลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งเพื่อคัดตัว คราวนี้ฝันก็เป็นจริง เขามีชื่อติดทีมอะคาเดมีบุรีรัมย์ แต่ก็เหมือนว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งอีกครั้ง เมื่อจบ ม.6 แล้วไม่ได้รับการต่อสัญญาจากทีมบุรีรัมย์ แต่โจ้แจ๋วยังมุ่งหน้าสานฝันต่อ ตะเวนคัดตัวกับหลายทีมเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งไปที่สุพรรณบุรี เอฟซี แต่ก็ผิดหวัง เพราะสโมสรยังไม่พร้อมสำหรับการคัดเลือกเด็กใหม่
โจ้แจ๋วกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดร่วมปี จนไปคัดตัวกับทีมกาฬสินธุ์ เอฟซี และได้สัญญานักฟุตบอลอาชีพครั้งแรก หลังจากเจ้าตัวทำผลงานได้ดี มีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นกับทีมกาฬสินธุ์ เอฟซี โจ้แจ๋วก็ได้ย้ายมาอยู่กับทีมหนองบัว พิชญ เอฟซี ทีมในระดับไทยลีก 2 แต่ก็ไม่สามารถเบียดขึ้นมาเป็นตัวจริงได้ จึงถูกปล่อยตัวให้โคปูนวอริเออร์ ทีมในไทยลีก 4 ยืมตัว และที่นั่นก็ทำให้เขามีประสบการณ์มากขึ้น จนเมื่อจบฤดูกาลโจ้แจ๋วได้ไปคัดตัวกับทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด เขาได้รับโอกาสและได้เจอตำแหน่งที่ตนเองถนัดอีกด้วย ขอนแก่น ยูไนเต็ดเปรียบเสมือนครูชั้นดี โจ้แจ๋วพัฒนาฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ และก้าวไปเป็นกำลังหลักของทีม พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 3 เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ไทยลีก 2 และตอนนี้เขาพาทีมเบียดสู้กับทีมที่เคยมองข้ามเขา เรียกได้ว่าพวกเขาไม่ปล่อยให้หนองบัว พิชญ เอฟซี ได้แชมป์ไทยลีก 2 ง่ายๆ แน่
“โจ้แจ๋ว” สุวิทย์ ไปพรมราช เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่สู้ชีวิตมากครับ และผมอยากนำเสนอเรื่องราวของเขาเพื่อเป็นแบบอย่างให้เด็กไทยหลายๆ คนที่มีความฝันแต่อาจพบเจออุปสรรค แม้จะถูกปฏิเสธหลายครั้งแต่เห็นไหมครับว่าเขาไม่ยอมแพ้เลย สุดท้ายนี้อยากฝากแฟนบอลขอนแก่น ยูไนเต็ดและโจ้แจ๋ว ส่งใจเชียร์และเอาใจช่วยให้ทีมขึ้นมาอยู่ลีกสูงสุดให้ได้ ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นภาพนั้นอีกครั้ง ขอนแก่น ยูไนเต็ดเป็นอีกทีมที่มีแฟนบอลหนาแน่น และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทีม “จงอางผยอง” ฝ่าฟันอุปสรรคมาได้จนถึงทุกวันนี้